เกปาแจกโชค! มาเน่เบิ้ลพาลิเวอร์พูลบุกอัดเชลซี10คน-ติอาโก้ประเดิม

ซาดิโอ มาเน่ ตะบันคนเดียวสองประตูพาแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล บุกไปปราบเจ้าถิ่น เชลซี ที่เหลือ10คน 2-0 เกมนี้ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ประเดิมนัดแรกลงสำรองในครึ่งหลังก่อนพา "หงส์แดง" คว้าชัย2นัดติด มี 6 คะแนนเต็ม ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

   บิ๊กแมตช์ที่ เดอะ บริดจ์ เจ้าถิ่น เชลซี ปรับหนึ่งตำแหน่งจากชุดล่าสุดโดยให้ มาเตโอ โควาซิช ปักหลักแดนกลางแทน รูเบน ลอฟตัส-ชีค ขณะที่ 2 แข้งใหม่ชาวเยอรมันอย่าง ติโม แวร์เนอร์ และ ไค ฮาแวร์ทซ์ พร้อมลุย ส่วน ติอาโก้ ซิลวา กับ ฮาคิม ซิเย็ค ยังไม่มีชื่อในทีม

    ด้าน ลิเวอร์พูล เปลี่ยนแนวรับหลังโดนลีดส์เจาะถึง 3 เม็ด โดยให้ ฟาบินโญ่ รับหน้าที่เซ็นเตอร์แบ็กแทน โจ โกเมซ ขณะที่แนวรุก ซาลาห์, บ๊อบบี้ และ มาเน่ ลงพร้อมกัน แถม ติอาโก้ อัลกันตาร่า แข้งใหม่มีชื่อสำรองด้วย ทว่า ดีโอโก้ โชต้า ยังไม่มีส่วนร่วม

    เริ่มเกมมา14นาที เป็นฝั่งผู้มาเยือน ลิเวอร์พูลได้เสียวก่อน เมื่อ เกปา ออกมาเล่นบอลทางฝั่งซ้ายของกรอบเขตโทษ แต่กลับกลายเป็นสปีดของ ซาลาห์ ดีกว่า จึงถึงบอลและปาดบอลเข้ากลางประตู โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เกือบจะได้ยิงโล่งๆแล้ว แต่ยังดีที่ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ยังตามาบล็อคช่วยเชลซี สกัดบอลออกหลังได้อย่างหวุดหวิด

    นาทีที่19 ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันอย่างสนุก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พาบอลลุยเข้าไปถึงกรอบเขตโทษแล้ว ก่อนได้ง้างยิง ยังดีที่แนวรับ เชลซี ช่วยกันบล็อคได้ทัน ก่อนใช้จังหวะโต้กลับเล่นงานทีมเยือน แต่ในจังหวะสุดท้ายที่บอลมาถึง ติโม แวร์เนอร์ เจ้าตัวตัดสินใจยิงช้าไปหน่อย แนวรับลิเวอร์พูล เลยลงมาทันช่วยเบรกไว้พอดี

    นาทีที่34 หงส์แดง ยังทำได้ดีกว่าในพื้นที่สุดท้าย โดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เอาบอลลงได้ในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนเปิดยัดเข้ากลางประตู แต่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เข้าชาร์จไม่ถึงบอล บอลเลยผ่านหน้าประตูไปแบบได้แค่เสียว

    อีก 4 นาทีต่อมา ไค ฮาแวร์ตซ์ หลุดขึ้นไปทางด้านขวาก่อนปาดเลียดมาให้ ติโม แวร์เนอร์ ยิงโล่งๆ หลุดกรอบออกไปอย่างน่าผิดหวัง ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่าเป็นจังหวะที่ ฮาแวร์ตซ์ ล้ำหน้าไปก่อนแล้ว

    ช่วงท้ายครึ่งแรก นาที 45 วีเออาร์ ได้ทำงานครั้งแรก จากจังหวะที่ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ไปทำฟาวส์ ซาดิโอ มาเน่ ก่อนถึงกรอบเขตโทษ ตอนแรกผู้ตัดสิน พอล เทียร์นี่ย์ ให้แค่ใบเหลือง แต่หลังจากที่เช็กที่จอวีเออาร์แล้ว พอล เทียร์นี่ย์ มองว่าคริสเตนเซ่น เป็นตัวสุดท้าย เลยเปลี่ยนใจให้ใบแดงโดยตรง ทำให้ เชลซี เหลือ10คนตั้งแต่ท้ายครึ่งแรก

     ลิเวอร์พูล แม้ได้ฟรีคิกในจังหวะต่อเนื่องนี้ แต่ก็ยิงข้ามคานออกไปเอง ทำให้ หมดครึ่งแรก เชลซี ยังเสมอ ลิเวอร์พูล อยู่ 0-0 แต่ตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรองเนื่องจากตัวผู้เล่นเหลือน้อยกว่า

    กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง ทั้งสองทีมมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น เชลซี ที่เหลือแค่ 10 คนส่ง ฟิคาโย่ โทโมรี่ เซ็นเตอร์แบ็กลงไปเล่นแทน ไค ฮาแวร์ตซ์ ขณะที่ "หงส์แดง" ถอดเอา จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ออกแล้วส่ง ติอาโก้ อัลคันทาร่า แข้งใหม่ป้ายแดงที่ซื้อมาจาก บาเยิร์น มิวนิค ลงสนามเป็นนัดแรก

    นาที 50 ประตูแรกของเกมกลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่บุกมาชิงขึ้นนำก่อน 1-0 จากการประสานงานของ 3 แนวรุกหงส์แดง ซาลาห์ แทงบอลทะลุให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ถึงเส้นหลังก่อนครอสมากลางประตูให้ ซาดิโอ มาเน่ โฉบมาโขกบอลหนีมือ เกปาเสียบมุมตาข่าย

    นาที 54 สกอร์ของทีมเยือนนำห่างเป็น 2-0 อย่างรวดเร็ว จากความผิดพลาดของ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ที่พยายามจ่ายเลียดหน้าประตูให้ จอร์จินโญ่ แต่โดน ซาดิโอ มาเน่ วิ่งมาตัดบอลได้ก่อนดาวยิงชาวเซเนกัลจะตามไปซัดโล่งๆเข้าไปไม่เหลือเป็นประตูที่สองของ มาเน่ ในเกมนี้

    นาที 68 "สิงห์บลูส์" มีโอกาสได้ส่องบ้าง เมสัน เมาท์ ได้บอลทางซ้ายก่อนจะปั่นด้วยขวานอกกรอบบอลพุ่งแรงก่อนหล่นบนหลังตาข่ายแบบได้เสียว

    นาที 73 เชลซี มาได้ลูกที่จุดโทษหลัง ติอาโก้ วิ่งมากระแทก ติโม แวร์เนอร์ ล้มลงไปผู้ตัดสินชี้ให้จุดโทษทันที ทว่า จอร์จินโญ่ มือสังหารของเจ้าบ้านดันยิงไปติดเซฟของ อลีสซง ชวดได้ประตูตีไข่แตก ทำให้สกอร์ยังเป็นทีมเยือนบุกมานำ 2-0เหมือนเดิม ซึ่งเป็นการเซฟจุดโทษแรกของนายด่านทีมชาติบราซิลนับแต่ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล

    นาที 82 ติอาโก้ ได้โอกาสยิงบ้างหลังกดด้วยขวานอกกรอบแต่บอลยังหลุดเสาออกไป อีกนาทีต่อมา แทมมี่ อบราฮัม ตัวสำรองของ เชลซี ที่เพิ่งลงมาได้หลุดเข้าไปซัดด้วยขวาแต่ยังไม่ผ่านมือ อลีสซง ที่โชว์ซูเปอร์เซฟอีกครั้ง

    จบเกม เชลซี พ่ายคาบ้านให้ ลิเวอร์พูล 0-2 ส่งผลให้ "หงส์แดง" คว้าชัยสองเกมติดมี 6 คะแนน

     รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

     เชลซี  (4-3-3) : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า – รีซ เจมส์,  อันเดรียส คริสเตนเซ่น (ใบแดง น.45), เคิร์ต ซูม่า, มาร์กอส อลอนโซ่ – จอร์จินโญ่,  เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาเตโอ โควาซิช – ไค ฮาแวร์ตซ์, ติโม แวร์เนอร์, เมสัน เมาท์

     สำรอง : วิลลี่ กาบาเยโร่, คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ฟิคาโย่ โทโมรี่, รอสส์ บาร์คลี่ย์, แทมมี่ อับราฮัม, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

     เทรนเนอร์ : แฟร้งค์ แลมพาร์ด

     ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์-เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ , ฟาบินโญ่, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน- นาบี เกอิต้า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม- โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่,ซาดิโอ มาเน่

     สำรอง : อาเดรียน, เคอร์ติส โจนส์, ดิว็อค โอริกี้, ทาคูมิ มินามิโนะ, ติอาโก้ อัลคันทาร่า, เจมส์ มิลเนอร์

     เทรนเนอร์ :  เจอร์เก้น คล็อปป์

     ผู้ตัดสิน : พอล เทียร์นี่ย์

มาเน่เจ๋ง-ติอาโก้แจ่ม! ตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลเกมบุกเชือดเชลซี

ลิเวอร์พูล บุกมาคว้าชัยชนะที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน ผลการแข่งขันนี้ทำให้ "หงส์แดง" เก็บ 6 แต้มเต็มกับ 2 นัดแรกของฤดูกาล 2020/21 ต้องบอกว่าจุดเปลี่ยนที่สำคัญเลยคือการโดนใบแดงของ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ทำให้ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ บดขยี้ในครึ่งหลังจนได้ประตูตามที่ต้องการ นอกจากเรื่องชัยชนะแล้วยังมีการเดบิวต์นักเตะใหม่ของลิเวอร์พูลด้วย เรามาเช็กผลสอบแข้งลิเวอร์พูลเกมนี้กัน

ลิเวอร์พูล

อลีสซง เบ็คเกอร์ 8

ครึ่งแรกไม่ได้มีโอกาสเซฟเลยเพราะเชลซียิงไม่ตรงกรอบสักครั้ง แต่ครึ่งหลังมาโชว์เซฟจุดโทษครั้งแรกในการเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ก่อนท้ายเกมปัดลูกยิงของ แทมมี่ อบราฮัม แบบสุดยอด

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ 6.5

ผ่านบอลขวางสนามให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน สุดแม่นยำ พยายามซัพพอร์ต ซาลาห์ ด้วยการจ่ายบอลให้ในพื้นที่สุดท้าย ลูกเซ็ตพีซเกมนี้ยังไม่แม่นมากนัก แต่ลงมาช่วยเกมรับไม่ทันบ้างแต่เป็นเรื่องปกติเมื่อเติมเกมสูงตลอด

ฟาบินโญ่ 8

ขยับลงมายืนเซนเตอร์แบ็กแทน โกเมส ที่บาดเจ็บแต่โชว์ฟอร์มดูดีกว่าเจ้าของตำแหน่งเสียอีก แวร์เนอร์ พยายามเลี้ยงผ่านหลายรอบแต่ติดบล็อกเขาตลอด แท็กเกิ้ลสำเร็จ 3 จาก 4 ครั้ง ตัดบอลอีก 4 ครั้ง

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ 7

ไม่ได้โดดเด่นเหมือน ฟาบินโญ่ มากนักแต่ยังคงบัญชาการเกมรับยอดเยี่ยม ไม่มีความผิดพลาดให้เห็นและก็ไม่ได้เจองานยากจากเกมรุกเชลซีเท่าไหร่

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน 7

ยังคงเติมเกมรุกเมามันส์และสร้างปัญหาให้กับเชลซีได้ตลอดทั้งเกม บทบาทมาเด่นขึ้นในช่วงครึ่งหลัง ประสานงานกับ มาเน่ ได้ดี

นาบี เกอิต้า 6

ทำได้ดีในเรื่องการพาบอลขึ้นหน้ากับต่อบอลสร้างเกมรุก แต่ ก็องเต้ และ จอร์จินโญ่ ตามบีบแดนกลางเลยทำอะไรไม่ถนัด โดยรวมยังไม่ได้โดดเด่นมากนัก

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 6

คุมเกมแดนกลางได้อยู่หมัดช่วยให้ทีมครองบอลบุกใส่ฝั่งเชลซีเป็นส่วนใหญ่ เป็นคนวางบอลยาวสุดสวยให้ มาเน่ หลุดเดี่ยวจนเรียกใบแดงได้สำเร็จ น่าเสียดายที่บาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวตอนพักครึ่ง

จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม 6

ค่อนข้างเล่นเพลย์เซฟเมื่อได้ครองบอลซึ่งบางครั้งทีมอาจจะต้องการเกมบุกมากขึ้น แต่เรื่องการยืนตำแหน่งและช่วยเกมรับในแดนกลางยังคงทำได้ดี

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 7

หลังจากเปิดตัวอย่างสวยงามด้วยการแฮตทริกเมื่อนัดที่แล้ว เกมนี้บทบาทส่วนใหญ่เน้นไปที่การพยายามวิ่งสร้างพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีม ไม่ได้มีประตูฝากแฟนเดอะ ค็อปแต่ยังมีส่วนในการชิ่งบอลกับ ฟีร์มีโน่ จนได้ประตูแรก

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ 7   

ใช้เวลาอยู่สักพักในการมีส่วนกับเกม จัดแอสซิสต์งามๆให้ มาเน่ โขกประตูขึ้นนำ เป็นฟอร์มปกติของเขาที่ไม่ได้โดดเด่นแต่คอยลงมาล้วงบอลและวิ่งเปิดพื้นที่ในแนวรับคู่แข่ง

ซาดิโอ มาเน่ 9

ค่อนข้างเงียบในเกมเจอกับ ลีดส์ แต่มาฉายแสงในเกมนี้ เป็นคนเรียกใบแดงซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของเกม ก่อนโขกประตูปลดล็อกให้กับทีมและยังโชว์ความขยันวิ่งฉกบอลจาก เกปา ทำประตูที่สอง การเคลื่อนที่ของเขาสร้างความปั่นป่วนในแนวรับคู่แข่งเหลือเกิน

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม

ติอาโก้ อัลกันตาร่า 7 (ลงมาแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.46)

ประเดิมสนามอย่างรวดเร็วให้กับ “หงส์แดง” จ่ายบอลได้เนียนตา คุมจังหวะเกมสร้างความสมดุลให้แดนกลาง อย่างไรก็ตามเขาดันมาทำเสียจุดโทษแต่ยังดีที่เพื่อนร่วมทีมเซฟได้

เจมส์ มิลเนอร์ 6 (ลงมาแทน นาบี เกอิต้า น.64)

เพิ่มตัวมีประสบการณ์ให้แดนกลาง คอยสั่งเพื่อนร่วมทีมตลอด

ทาคูมิ มินามิโนะ – (ลงมาแทน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น.86)

ลงมาท้ายเกมแล้ว

ติอาโก้โอเคซบหงส์,สตาร์ลียงมีแววไปปืน!อัพเดตข่าวเด่นตลาดนักเตะลีกดังยุโรป

ตลาดซื้อ-ขายนักเตะตอนนี้เริ่มกลับมาเข้มข้นอีกครั้ง โดยล่าสุดมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกี่ยวกับอนาคตของ ติอาโก อัลกันตาร่า ขณะที่ อาร์เซน่อล ดูเหมือนเอาจริงทีเดียวกับการล่าตัวมิดฟิลด์เนื้อหอมของ โอลิมปิก ลียง ส่วนทางฝั่ง เรอัล มาดริด ตอนนี้กำลังพยายามสุดฤทธิ์ที่จะเขี่ยแข้งโปรกอล์ฟพ้นทีม นอกจากนี้บรรดาสโมสรใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, บาร์เซโลน่า, ยูเวนตุส และ อินเตอร์ มิลาน ต่างก็มีข่าวที่น่าสนใจเช่นกัน แต่จะเป็นเรื่องอะไรบ้างนั้น เรามาอัพเดตกันเลย
 
– (Official) คริสตัล พาเลซ เซ็นสัญญายืมตัว มิชี่ บาตชูอายี่ หัวหอก เชลซี มาใช้งานเป็นเวลา 1 ฤดูกาล พร้อมถือออปชั่นซื้อขาดช่วงซัมเมอร์ปีหน้า
 
 – (Official) ฟูแล่ม คว้าตัว เคนนี่ เตเต้ แบ็กขวาทีมชาติฮอลแลนด์ มาจาก โอลิมปิก ลียง โดยที่ไม่มีการเปิดเผยค่าตัว ส่วนนักเตะจรดปากกาเซ็นสัญญาค้าแข้งในถิ่น คราเวน ค็อตเทจ เป็นเวลา 4 ปี + ออปชั่นเซ็นเพิ่มอีก 1 ปี  

– (Official) พร้อมกันนั้น "เจ้าสัวน้อย" ได้ปล่อยตัว มาร์คัส เบตติเนลลี่ ผู้รักษาประตูเลือดผู้ดี ให้ มิดเดิ้ลสโบรช์ ยืมใช้งานเป็นเวลา 1 ฤดูกาล

 – (Official) ฟิออเรนติน่า คว้าตัว จาโคโม่ โบนาเวนตูร่า กองกลางดีกรีทีมชาติอิตาลี มาร่วมก๊วน ด้วยสัญญา 2 ปี แบบไร้ค่าตัว หลังจากที่ตัวนักเตะหมดสัญญากับ เอซี มิลาน

 – (Official) เอซี มิลาน ประกาศปล่อยตัว อันเดร ซิลวา กองหน้าทีมชาติโปรตุเกส ให้ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต แบบถาวรเรียบร้อย โดย ซิลวา จรดปากกาเซ็นสัญญาร่วมทัพ "อินทรีแดง-ดำ" ถึงปี 2023

 – (Official) นาเซอร์ ชาดลี่ ปีกทีมชาติเบลเยียม ได้ย้ายจาก อาแอส โมนาโก ไปร่วมทีม อิสตันบุล บาซัคเซเฮียร์ สโมสรแชมป์ลีกตุรกี เรียบร้อย ด้วยสัญญา 2 ปี 

 – ลิเวอร์พูล ตกลงเงื่อนไขส่วนตัวกับ ติอาโก้ อัลกันตาร่า กองกลางจอมเทคนิคของ บาเยิร์น มิวนิค ได้เรียบร้อย และตอนนี้เหลือแค่ขั้นตอนตกลงเรื่องค่าตัวกับต้นสังกัดนักเตะเท่านั้น ซึ่ง "เสือใต้" ยังคงต้องการอยู่ที่ 30 ล้านยูโร (ประมาณ 1,110 ล้านบาท) (Bild)

 – นอกจากนี้ "หงส์แดง" อาจจะมีการยื่นข้อเสนอเงินจำนวน 25 ล้านยูโร (ประมาณ 925 ล้านบาท) ไปทาบซื้อ เฌเรมี่ โดกู กองหน้าดาวรุ่งวัย 18 ปี ของ อันเดอร์เลชท์ และพร้อมที่จะปล่อยตัวนักเตะให้ต้นสังกัดเดิมยืมใช้งาน 1 ซีซั่น หากสามารถปิดดีลได้ (Het Nieuwsblad)

 – เบน วู้ดเบิร์น กองหน้าดาวรุ่ง ลิเวอร์พูล ใกล้ที่จะย้ายไปร่วมทีม สปาร์ต้า ร็อตเตอร์ดัม ภายใต้สัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล (Standard)

 – เชลซี ได้ปฏิเสธข้อเสนอเงิน + มาร์เซโล่ โบรโซวิช กองกลางชาวโครแอต ที่ อินเตอร์ มิลาน ยื่นเข้ามาขอแลกกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ยอดมิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศส (Guardian)

 – โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยังคงยืนยันที่จะไม่ขาย เจดอน ซานโช ปีกดาวดังทีมชาติอังกฤษ ให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในราคาที่ต่ำกว่า 108 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,428 ล้านบาท) หลังจากที่เห็น เชลซี กล้าๆ ปิดดีลคว้าตัว ไค ฮาแวร์ตซ์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งทีมชาติเยอรมนี มาจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่วงเงิน 71 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,911 ล้านบาท) (Guardian)

 – หลังจากที่ได้แข้งใหม่มาร่วมก๊วนเป็นว่าเล่น ตอนนี้ถึงเวลาที่ เชลซี ต้องปล่อยนักเตะในทีมออกไปบ้าง โดยนอกจากปล่อย มิชี่ บาตชูอายี่ หัวหอกชาวเบลเยียม ให้ คริสตัล พาเลซ ยืมใช้งานอีกรอบแล้ว พวกเขากำลังอยู่ในช่วงเจรจากับ เอซี มิลาน เกี่ยวกับเรื่องปล่อยตัว ตีเอมูเอ้ บากาโยโก้ มิดฟิลด์เลือดน้ำหอม อีกด้วย ขณะที่สองผู้เล่นฟูลแบ็กอย่าง ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า และ เอเมอร์สัน พัลมิเอรี่ ก็เตรียมที่จะอำลาถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก่อนปิดตลาด (Fabrizio Romano)

 – อาร์เซน่อล พร้อมยื่นข้อเสนอไปทาบซื้อ อุสเซม อาอูอาร์ กองกลางดาวดัง โอลิมปิก ลียง อีกรอบ หลังข้อเสนอเดิม 31.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,279.2 ล้านบาท) ถูก ลียง ปฏิเสธ (ESPN)
 

 – ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมเปิดศึกกับ "ไอ้ปืนใหญ่" ในการแย่งชิงตัว อาอูอาร์ เนื่องจากกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ชื่นชอบในฝีเท้าของ ดาวเตะวัย 22 ปี เช่นกัน (Daily Mirror)

 – แอสตัน วิลล่า ยังคงมุ่งมั่นที่จะคว้าตัว เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ผู้รักษาประตูฝีมือดีของ อาร์เซน่อล มาร่วมทัพให้ได้ โดยเตรียมยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าเดิมไปทาบซื้ออีกรอบ หลังจากที่ยื่นไปรอบแรก 15 ล้านปอนด์ (ประมาณ 615 ล้านบาท) ถูก "ไอ้ปืนใหญ่" ปัดทิ้ง (GOAL)

 – นอกจากนี้ "สิงห์ผงาด" ยังหวังสอย โจชัว คิง หัวหอก บอร์นมัธ อีกรายด้วย ทว่าตัวนักเตะอยากย้ายกลับไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากกว่า หลังมีข่าว "ปีศาจแดง" อยากได้ตัวร่วมทัพ (Athletic)

 – เลสเตอร์ ซิตี้ กำลังเล็งเสริมแกร่งในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก โดยมอง เวสลี่ย์ โฟฟาน่า ดาวรุ่งของ แซงต์-เอเตียน เป็นเป้าหมายหลัก และได้มีการยื่นข้อเสนอเงิน 29 ล้านยูโร (ประมาณ 1,037 ล้านบาท) ไปทาบซื้อเรียบร้อย นอกจากนี้ได้มอง โยนาธาน ทาห์ ปราการหลังร่างใหญ่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เป็นทางเลือกสำรอง (Fabrizio Romano)

 – เรอัล มาดริด หวังที่จะเขี่ย แกเร็ธ เบล ปีกจรวดชาวเวลส์ ออกจากทีมให้ได้ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยพร้อมขายในราคาสุดถูกแค่ 22 ล้านปอนด์ (ประมาณ 902 ล้านบาท) (Daily Mail)

– นอกจากนี้ ทีมแชมป์ยุโรป 13 สมัย ยินดีที่จะช่วยจ่ายครึ่งหนึ่งในจำนวนค่าเหนื่อยของ เบล ที่ปัจจุบันรับอยู่สัปดาห์ละ 600,000 ปอนด์ (ประมาณ 24.6 ล้านบาท) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ เบล ในการหาสโมสรใหม่ (Telegraph)

 – ขณะเดียวกัน "ราชันชุดขาว" ได้เล็ง ริยาด มาห์เรซ ปีกจอมพลิ้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นแข้งเป้าหมาย หาก เบล อำลาถิ่น ซานติอาโก เบร์นาเบว ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยได้มีการติดต่อกับเอเจนต์ของ ดาวเตะทีมชาติแอลจีเรียวัย 29 ปี แล้วด้วย (Foot Mercato)

 – บาร์เซโลน่า ตกลงสัญญาส่วนตัวกับ เมมฟิส เดอปาย หัวหอกจอมพลิ้ว โอลิมปิก ลียง ได้เป็นที่เรียบร้อย แต่ยังไม่มีการยื่นข้อเสนอไปให้ ลียง พิจารณาอย่างเป็นทางการ เนื่องจากต้องรอขายนักเตะในทีมบางคนออกไปก่อน (Fabrizio Romano)

 – นอกจากนี้ บาร์เซโลน่า ไม่พร้อมทุ่มเงิน 30 ล้านยูโร (ประมาณ 1,110 ล้านบาท) ตามที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เรียกร้อง สำหรับการล่าตัว เอริค การ์เซีย กองหลังดาวรุ่งชาวสแปนิช คืนสู่ถิ่น คัมป์ นู (Marca)

 – กอนซาโล่ อิกวาอิน กองหน้าดาวดังชาวอาร์เจนไตน์ ใกล้เต็มทีกับการย้ายไปค้าแข้งที่ประเทศสหรัฐอเมริกา กับ อินเตอร์ ไมอามี่ หลังตกลงแยกทางกับ ยูเวนตุส เรียบร้อย และตอนนี้โอเคเรื่องสัญญาส่วนตัวกับทีมของ เดวิด เบ็คแฮม ได้แล้วด้วย (Fabrizio Romano)

 – อินเตอร์ มิลาน มีความมั่นใจว่าจะสามารถคว้าตัว อาร์ตูโร่ วิดัล กองกลาง บาร์เซโลน่า มาร่วมก๊วนได้สำเร็จ และพร้อมที่จะออกล่าตัว มัตเตโอ ดาร์เมียน ฟูลแบ็ก ปาร์ม่า อีกราย (Fabrizio Romano)
 
 – ขณะเดียวกัน "งูใหญ่" ได้แจ้งกับ บาร์เซโลน่า ว่า จำเป็นต้องจ่ายระดับ 90 ล้านยูโร (ประมาณ 3,330 ล้านบาท) เท่านั้น หากต้องการเซ็นสัญญากับ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ หัวหอกจอมพลิ้วชาวอาร์เจนไตน์ (Marca)

 – กายารี่ มีแนวโน้มที่จะได้ตัว ดีเอโก้ โกดิน เซนเตอร์แบ็กจอมเก๋า อินเตอร์ มิลาน มาเสริมแนวรับ หลังจากที่การเจรจาระหว่างสองสโมสรมีความคืบหน้าไปมาก (Fabrizio Romano)

 – อตาลันต้า ได้เปิดโต๊ะเจรจากับ ชาลเก้ 04 เรียบร้อย ถึงเรื่องคว้าตัว อามีน ฮาริต กองกลางจอมพลิ้วชาวโมร็อกกัน ทว่ายังคงห่างไกลจากการได้บทสรุป โดย "ราชันสีน้ำเงิน" ตั้งค่าหัว ดาวเตะวัย 23 ปี ไว้ที่ 25 ล้านยูโร (ประมาณ 925 ล้านบาท) (Fabrizio Romano)

 – ปารีส แซงต์-แชร์กแมง กำลังจะได้ อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ ฟูลแบ็ก อาแอส โรม่า มาร่วมทีมแบบสัญญายืมตัว 1 ซีซั่น พ่วงออปชั่นซื้อขาด หลังจากที่ล้มเหลวในการล่าตัว เอคตอร์ เบเยริน แบ็กขวา อาร์เซน่อล ที่ "ไอ้ปืนใหญ่" ไม่โอเคกับดีลยืมตัว (Calciomercato)

 – ลีลล์ ได้ปฏิเสธข้อเสนอเงินจำนวน 35 ล้านยูโร (ประมาณ 1,295 ล้านบาท) ที่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ยื่นเข้ามาขอซื้อตัว บูบาการี่ ซูมาเร่ กองกลางดาวรุ่งคนเก่ง เป็นที่เรียบร้อย (Fabrizio Romano)
 

ฮาแวร์ทซ์เงียบ-แวร์เนอร์เรียกโทษ! เชลซีบุกอัดไบรท์ตัน-ลัลลาน่าเจ็บอีก

"สิงห์บลูส์" ประเดิมสามแต้มแรกฤดูกาลใหม่ได้สำเร็จ หลังบุกไปคว้าชัยเหนือ ไบรท์ตัน 3-1 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา เกมนี้สตาร์ป้ายแดงทั้ง ติโม แวร์เนอร์ และไค ฮาแวร์ทซ์ ต่างได้ออกสตาร์ทตัวจริงทั้งคู่ กระนั้นข่าวร้ายของไบรท์ตันคือต้องเสีย อดัม ลัลลาน่า ที่บาดเจ็บเล่นได้แค่ครึ่งเดียว

    เกมที่ เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม เป็นเกมประเดิมสนามนัดแรกของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่น 2020-21 ระหว่างเจ้าถิ่น ไบรท์ตัน เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เชลซี

    แกรม พ็อตเตอร์ เกมนี้มาพร้อมเต็มสูบแนวรุกวางหน้าคู่เป็น เลอันโดร ทรอสซาร์ และนีล โมเปย์ โดยใช้ อดัม ลัลลาน่า มิดฟิลด์ที่เพิ่งคว้ามาจาก "หงส์แดง" คอยขับเคลื่อนเกมกลางสนาม

    ขณะที่ฝั่งของ "สิงห์บลูส์" ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ประเดิมแข้งหน้าใหม่ทั้ง  ไค ฮาแวร์ทซ์ และติโม แวร์เนอร์ ลงเป็นตัวจริงเกมแรก โดยมี เมสัน เมาน์ท สนับสนุนร่วมกับ รูเบน ลอฟตัน-ชีค และเอ็นโกโล่ ก็องเต้

    เปิดฉากมาครึ่งแรก นาทีที่ 5 เจ้าถิ่นไบรท์ตันทักทายก่อนเลยหลัง อดัม เว็บสเตอร์ เติมขึ้นสูงก่อนส่องด้วยขวานอกกรอบ บอลพุ่งเหินคานออกไปไกล

    โอกาสลุ้นหนแรกของทีมเยือน ต้องรอถึงนาที 19 เมสัน เมาน์ท เปิดเข้ากลางให้ ติโม แวร์เนอร์ พยายามเช็ดบอลไปเสาสองแต่ไปแฉลบแนวรับเจ้าถิ่นก่อนเข้ามือ แม็ทธิว ไรอัน

    กระนั้นอีก 2 นาทีต่อมา "สิงห์บลูส์" มาได้ลูกที่จุดโทษ หลังเจ้าถิ่นทำเสียบอลกลางสนามโดน จอร์จินโญ่ แทงบอลให้ ติโม แวร์เนอร์ หลุดเข้าไปแตะหลบ แม็ทธิว ไรอัน ก่อนโดนนายด่านเจ้าถิ่นขวางล้มลงในกรอบ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที ก่อนที่
จอร์จินโญ่ จะเป็นมือสังหารซัดจุดโทษเข้าไปไม่พลาดในนาที 23 ให้ เชลซี บุกมานำไบรท์ตัน 1-0

    เจ้าถิ่นหลังเสียประตูพยายามโหมบุกเพื่อทวงตีเสมอให้ได้ นาที 26 ได้ลุ้นจากจังหวะที่ ทาริก แลมป์ตีย์ ครอสบอลไปเสาแรกให้ นีล โมเปย์ โฉบมาโขกแต่บอลไปโดนหัวไหลสุดท้ายไปเข้ามือ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า

    นาที 35 สตีเว่น อัลซาเต้ กระชากเข้าหน้ากรอบก่อนตะบันด้วยซ้ายบอลพุ่งไปเสียบเสาไกลแล้ว แต่ยังโดน เกป้า พุ่งปัดออกไป บอลมาเข้าทางปืน ซอลลี่ มาร์ช ซ้ำด้วยซ้ายไปติดบล็อค อันเดรียส คริสเตนเซ่น

    นาที 45 ไบรท์ตัน ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกหลัง อดัม ลัลลาน่า ห้องเครื่องคนใหม่มีอาการเจ็บเล่นต่อไม่ไหวทำให้ต้องส่ง อารอน คอนนอลลี่ ลงมาเล่นแทน

    ช่วงทดเจ็บ นาที 45+2 ติโม แวร์เนอร์ เกือบเบิกสกอร์แรกให้ต้นสังกัดใหม่อย่างเป็นทางการ หลังกระชากหนีแนวรับเจ้าถิ่นเข้าไปซัดมุมแคบ แต่ยังไปติดเซฟของ เกป้า ที่ปัดออกหลังหวุดหวิด

    จบครึ่งแรก ไบรท์ตัน ตามหลัง เชลซี 0-1

    กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง นาที 47 เจ้าบ้านเกือบได้ลุ้นตีเสมอ ซอลลี่ มาร์ช กระชากหลบแข้งสิงห์บลูส์ก่อนหนีตัวประกบถึงเส้นหลังแล้วครอสไปเสาแรกให้ คอนนอลลี่ เข้าชาร์ทเสาแรกหลุดกรอบไป

    เกมรุกของไบรท์ตันเกือบแผลงฤทธิ์อีก อีก 2 นาทีต่อมา ทาริก แลมป์ตีย์ อดีตเด็กปั้นของเชลซีเองกระชากบอลแหวกอลอนโซ่ และเมสัน เมาน์ท เข้าไปซัดด้วยขวาเสาแรกบอลพุ่งแรกไปติด คูร์ท ซูม่า ออกหลัง

    แต่แล้ว นาที 54 ความพยายามของ ไบรท์ตัน มาประสบผลสำเร็จไล่ตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ ทาริก แลมป์ตีย์ ที่เล่นได้โดดเด่นไหลบอลเข้ากลางให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ ตะบันด้วยซ้ายเต็มแรงนอกกรอบ บอลพุ่งหนีมือ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า เสียบ
โคนเสาสองไปอย่างสวยงาม

    ทว่าอีก 2 นาทีถัดมา นาที 56 ลูกทีมของแฟร้งค์ แลมพาร์ด มาแซงขึ้นนำ 2-1 จากความยอดเยี่ยมของ รีซ เจมส์ แบ็กขวาดาวรุ่งของ เชลซี ที่ซัดเต็มข้อด้วยขวานอกกรอบ บอลพุ่งติดไซด์หนีมือ แม็ทธิว ไรอัน เสียบมุมสามเหลี่ยมชนิดงามหยด
ย้อย

    นาที 66 เชลซี มาได้ประตูนำห่างเจ้าบ้าน 3-1 บอลต่อเนื่องจากจังหวะเตะมุม รีซ เจมส์ เปิดมาให้ คูร์ท ซูม่า ตวัดยิงด้วยขวาหน้ากรอบไปแฉลบ อดัม เว็บสเตอร์ เปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไป ก่อนจะให้เครดิต ซูม่า เป็นผู้ทำประตู

    นาที 80 ไบรท์ตันได้ลุ้นจากจังหวะที่ อลิเรซ่า ยาฮานบาคช์ แข้งสำรองที่เพิ่งลง ผ่านบอลให้ อารอน คอนนอลลี่ แต่บอลยังไม่ผ่านมือ  เกปา อาร์รีซาบาลาก้า

    ช่วงเวลาที่เหลือเจ้าบ้านไล่ไม่ทัน จบเกม ไบรท์ตัน แพ้คาบ้านให้ เชลซี 1-3

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
   
        ไบรท์ตัน (3-4-1-2): แม็ทธิว ไรอัน – เบน ไวท์ (ปาสกาล กรอสส์ น.79), ลูอิส ดังค์, อดัม เว็บสเตอร์ – ทาริก แลมป์ตีย์, สตีเว่น อัลซาเต้ (อลิเรซ่า ยาฮานบาคช์ น.79), อีฟส์ บิสซูม่า, ซอลลี่ มาร์ช – อดัม ลัลลาน่า (อารอน คอนนอลลี่ น.45) – เลอัน
โดร ทรอสซาร์, นีล โมเปย์

        เทรนเนอร์ : แกรม พ็อตเตอร์

        เชลซี (4-3-3): เกปา อาร์รีซาบาลาก้า – รีซ เจมส์, คูร์ท ซูม่า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, มาร์กอส อลอนโซ่ – รูเบน ลอฟตัน-ชีค (รอสส์ บาร์คลี่ย์ น.61), เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่ (เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า น.85) – ไค ฮาแวร์ทซ์ (คัลลัม ฮัดสัน-โอดอน
น.80),  ติโม แวร์เนอร์, เมสัน เมาน์ท

จบนะ!แลมพาร์ดลั่นไม่ขายก็องเต้

แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี ระบุ จะไม่ขาย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ในช่วงซัมเมอร์นี้แน่นอน พร้อมบอกว่าซีซั่นก่อน ก็องเต้ โดนอาการเดี้ยงเล่นงานอย่างหนักจนส่งผลเสียกับเรื่องอื่นๆ ตามไปด้วย

แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศว่าต้องการเก็บ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสเอาไว้ใช้งานต่อไป

หลายเดือนก่อนมีกระแสข่าวลือว่า แลมพาร์ด มองว่า ก็องเต้ เป็นหนึ่งในส่วนเกินของทีม หลังจากที่มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานบ่อยขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้มีหลายทีมที่ตกเป็นข่าวกับแข้งวัย 29 ปี อย่างเช่น อินเตอร์ มิลาน และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นต้น

แลมพาร์ด เผยว่า "มันเห็นได้ชัดว่าทุกทีมในโลกอยากมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ อยู่ในทีม ผมอ่านเจอข่าวลือต่างๆ มาบ้างเหมือนกัน เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม รวมถึงเป็นคนที่ดีมากๆ ผมไม่อยากเสียคนแบบเขาไป เขาเป็นฟันเฟืองหลักของสิ่งที่ผมกำลังพยายามทำอยู่ แน่นอนว่าเราสามารถพูดเกี่ยวกับบรรดานักเตะตัวรุกหลายต่อหลายคนได้ แต่คนอย่าง เอ็นโกโล่ และผลงานที่เขาทำได้ในแผงกลางก็สมควรถูกพูดถึงเหมือนกัน ฤดูกาลก่อนถือเป็นซีซั่นที่ยากลำบากสำหรับเขาเพราะเขาโดนอาการบาดเจ็บตามเล่นงาน"

"เขาเข้าสู่ฤดูกาลก่อนโดยที่มีอาการบาดเจ็บติดตัว และมันก็ส่งผลอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งซีซั่น เหมือนกับเป็นโดมิโน่ที่ล้มติดๆ กัน ที่เขาเจ็บอย่างต่อเนื่องแบบนั้นมันอาจจะเป็นเพราะเขาลงเล่นเยอะเป็นเวลา 4 หรือ 5 ปีก็ได้ ดังนั้นผมเลยตื่นเต้นมากๆ ที่ตอนนี้ได้เขาในสภาพฟิตเต็มถังมาอยู่กับทีม เขาดูมีสภาพร่างกายที่พร้อมสุดๆ เขาเป็นคนสำคัญสำหรับผม แน่นอนว่าผมอยากเก็บ เอ็นโกโล่ เอาไว้กับทีมต่อ"

ลิเวอร์พูลฟัดเชลซีจัด “ซาลาห์-ฟีร์มีโน่” ดวล “แวร์เนอร์-ฮาแวร์ทซ์” PPTVยิงสด

PPTVจัดให้…"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เตรียมจัด โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ลงขุดสกอร์เกมเยือนถ้ำ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่มี ติโม แวร์เนอร์ กับ ไค ฮาแวร์ทซ์ ผนึกล่าตาข่าย ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 20 ก.ย. ศกนี้  ถ่ายทอดสด : PPTV HD และ True Premier HD1 (เวลา : 23.30 น.)

ปรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน 2563
เชลซี   –   ลิเวอร์พูล
ถ่ายทอดสด 
: PPTV HD และ True Premier HD1 (เวลา : 23.30 น.)


สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

    เชลซีของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ลงประเดิมสนามเกมนัดแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล  2020-2021 โดยการบุกไปอัดไบรท์ตันถึงถิ่นดิ เอเม็กซ์ 3-1 ในคืนวันจันทร์ที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา 

    สภาพความพร้อมของทีมในเกมวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้เชลซีจะยังไม่มี ฮาคิม ซิเย็ค, เบน ชิลเวลล์ และ บิลลี่ กิลมอร์ ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บอยู่ ในส่วนของ คริสเตียน พูลิซิช ถึงแม้อาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายจะดีขึ้นแล้ว แต่ แลมพาร์ด อาจจะยังไม่เสี่ยงส่งเขาลงเล่นในเกมนี้ ในรายของ ติอาโก้ ซิลวา นั้นอาจจะมีสิทธิ์ได้ลงประเดิมสนามให้ทัพสิงห์บลูส์เป็นนัดแรก แต่ต้องรอเช็กสภาพความฟิตก่อนอีกทีหนึ่งหลังจากเพิ่งบินมาเก็บตัวลงซ้อมกับทีมในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จะได้ มาเตโอ โควาซิช กลับมาสู่ทีมหลังจากที่โดนใบแดงในเกมรอบชิงชนะเลิศ เอฟเค คัพ ในฤดูกาลที่ผ่าน 

    การจัดทัพในเกมวันอาทิตย์นี้ แลมพาร์ด น่าจะมาในแผน 4-3-3 โดยที่ผู้รักษาประตูจะยังคงใช้งาน เกปา อาร์รีซาบาลาก้า แม้ทีมจะเพิ่งเซ็นสัญญากับทาง เอดัวร์ แม็งดี้ เข้ามา ในส่วนแผงแบ็กโฟร์ คู่เซนเตอร์น่าจะเป็นทาง อันเดรียส คริสเตนเซ่น จับคู่กับทาง คูร์ท ซูม่า โดยมี รีซ เจมส์ กับ มาร์กอส อลอนโซ่ ยืนเป็นแบ็กขวา-ซ้าย ในส่วนแผงมิดฟิลด์ 3 คนอาจจะเป็นทาง จอร์จินโญ่ ที่ยืนเป็นกองกลางตัวต่ำสุด ขนาบข้างด้วย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กับ มาเตโอ โควาซิช ในส่วนแนวรุกจะเป็นนทาง ไค ฮาแวร์ทซ์ และ เมสัน เมาน์ท ยืนทำเกมอยู่ทางริมเส้นโดยมี ติโม แวร์เนอร์ เป็นหน้าเป้า

    ส่วนทาง ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพิ่งเฉือนเอาชนะลีดส์ ยูไนเต็ด ในบ้านของตัวเองไปอย่างสุดมันส์ 4-3 ในเกมเปิดฤดูกาล 2020-2021 คืนวันเสาร์ที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา โดยเกมวันนั้น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นฮีโร่ยิงประตูชัยให้ทีมคว้าชัยชนะมาครอง รวมถึงทำแฮตทริกให้กับตัวเองได้อีกด้วย

    สภาพความพร้อมของทีมในเกมวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ทางหงส์แดงเพิ่งเปิดตัว ติอาโก้ อัลกันตาร่า มิดฟิลด์รายใหม่ที่ย้ายมาจากทางบาเยิร์น มิวนิก แต่จะยังไม่สามารถลงเล่นในเกมวันอาทิตย์นี้ได้ ในส่วนผู้เล่นบาดเจ็บทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะขาดเพียง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แค่คนเดียวที่ยังมีอาการบาดเจ็บ ส่วนผู้เล่นคนสำคัญรายอื่นๆ อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, อลีสซง เบ็คเกอร์ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม พร้อมที่จะลงสนามในเกมวันอาทิตย์นี้อย่างแน่นอน

    การจัดทัพในเกมวันอาทิตย์นี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ คงใช้แผนเก่งของเขา 4-3-3 โดยมี อลีสซง เบ็คเกอร์ ยืนเฝ้าเสา แผงแบ็กโฟร์ใช้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ยืนจับคู่กับทาง โจ โกเมซ แบ็กตัวทำเกมทั้งสองข้างเป็นทาง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แผนกองกลาง 3 คน จะเป็นทาง ฟาบินโญ่ ยืนอยู่หน้าแนวรับ ขนาบข้างด้วย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ส่วนอีกฝั่งหนึ่งอาจจะต้องลุ้นว่าจะเป็นทาง จอร์จินโย่ ไวนัลดุม หรือ นาบี เกอิต้า ที่ได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง ในสามประสานในแนวกรุกเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ 


นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

    เชลซี (4-3-3) : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า – รีซ เจมส์,  อันเดรียส คริสเตนเซ่น, คูร์ท ซูม่า, มาร์กอส อลอนโซ่ – จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาเตโอ โควาซิช – ไค ฮาแวร์ทซ์, ติโม แวร์เนอร์, เมสัน เมาน์ท
    เทรนเนอร์ : แฟร้งค์ แลมพาร์ด

    ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม – ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 
    เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์

    ผู้ตัดสิน : พอล เทียร์นี่ย์


ผลการพบกัน 5 นัดหลังสุด
วัน/เดือน/ปี    รายการ    ผลการแข่งขัน

23/07/20    พรีเมียร์ลีกลิเวอร์พูล5 – 3เชลซี
04/03/20    เอฟเอ คัพเชลซี2 – 0ลิเวอร์พูล
22/09/19    พรีเมียร์ลีกเชลซี1 – 2ลิเวอร์พูล
15/08/19    ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพลิเวอร์พูล2 – 2 เชลซี
14/04/19    พรีเมียร์ลีกลิเวอร์พูล2 – 0เชลซี

 

ผลงาน 5 นัดหลังสุด
เชลซี

15/09/20 ชนะ ไบรท์ตัน 3-1(เยือน) พรีเมียร์ลีก
29/08/20 เสมอ ไบรท์ตัน 1-1 (เยือน) กระชับมิตร 
09/08/20 แพ้ บาเยิร์น มิวนิค 1-4 (เยือน) ชปล. 
01/08/20 แพ้ อาร์เซน่อล 1-2 (สนามกลาง) เอฟเอ คัพ 
26/07/20 ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก

ลิเวอร์พูล
12/09/20 ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-3 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
05/09/20 ชนะ แบล็คพูล 7-2 (เหย้า) กระชับมิตร
29/08/20 เสมอ อาร์เซน่อล 1-1 (สนามกลาง) คอมมิวนิตี้ ชีลด์ 
25/08/20 เสมอ ซัลซ์บวร์ก 2-2 (เยือน) กระชับมิตร 
22/08/20 ชนะ สตุ๊ตการ์ท 3-0 (สนามกลาง) กระชับมิตร

ลุ้นเฮ2นัดติด! “อี กังอิน” นำทัพบาเลนเซียบุกปราบ เซลต้า บีโก้

"ค้างคาว" เกมแรกออกสตาร์ทซีซั่นใหม่ด้วยสามคะแนนเหนือ เลบันเต้ 4-2 เกมนี้ต้องบุกไปเยือน เซลต้ บีโก้ เจองานหนักแน่ โดย บาเลนเซีย ต้องเช็กฟิตของ เควิน กาเมโร่ หัวหอกตัวเก่ง ซึ่งหากลงไม่ได้พร้อมดัน มักซี่ โกเมซ เป็นหน้าเป้าโดยมี อี กังอิน ดาวรุ่งโสมขาวปั้นเกม ในศึก ลา ลีกา สเปน คืนวันเสาร์ที่ 19 กันยายน นี้

ปรีวิว ลา ลีกา สเปน 
เซลต้า บีโก้ (9) – บาเลนเซีย (1)     
วันเสาร์ที่ 19 กันยายน 2563 เวลา : 02.00 น.

สนาม : อาบานก้า-ไบไลโดส

  เซลต้า บีโก้

    ออสการ์ การ์เซีย ยังขาด เซร์คิโอ อัลบาเรซ กับ รูเบน บลังโก้ สองนายทวารที่บาดเจ็บ ทำให้ อีบัน บียาร์ จะได้ลงเฝ้าเสาตามเดิม เช่นเดียวกับตำแหน่งอื่นๆก็จะเป็นชุดเดิมจากเกมก่อนทั้งหมด ส่วนแนวรุก ใช้ ยาโก้ อาสปาส ยืนคู่หน้าเป้า มี โนลีโต้ 


    บราอิส เมนเดส และ เอ็มเร่ มอร์ เป็นแผงรุกอยู่ด้านหลัง ,ตรงกลาง โอกาย โยกูสลู ทำเกมร่วมกับ เรนาโต้ ตาเปีย  ส่วนแผงหลังประกอบด้วย  อูโก้ มาโย่ กับ ลูกัส โอลาซ่า เดินเกมในตำแหน่งวิงแบ็กขวา-ซ้าย มี เนสตอร์ อาเราโฮ ยืนเซนเตอร์กับ โจเซป ไอดู

    บาเลนเซีย

    ฆาบี การ์เซีย มีปัญกาในการจัดทีมนัดนี้อยู่พอสมควรเมื่อ อูรอส ราซิช มิดฟิลด์เซอร์เบียไม่สมบูรณ์เช่นเดียวกับ เควิน กาเมโร่ ที่ยังต้องรอเช็กความฟิต ทำให้แดนหน้า มักซี่ โกเมซ จะยืนหัวหอกเดี่ยว ตัวรุกประกอบด้วย ยูนูส มูซาห์,อี กังอิน และ

        กอนซาโล่ เกเดส แดนกลาง อูรอส ราซิช น่าจะผ่านความฟิตลงเล่นได้ แต่ถ้าไม่ไหว บิเซนเต้ เอสเกร์โด้ ดาวรุ่งจากชุดเล็กจะลงทำหน้าที่แทน โดยปั้นเกมร่วมกับ จอฟเฟร่ ก็องด็อกเบีย แนวรับ โฆเซ่ กาย่า ยืนแบ็กซ้าย แบ็กขวาเป็น ดาเนี่ยล วาส, คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟใช้ กาเบรียล เปาลิสต้า ยืนกับ มูคตาร์ เดียกาบี้ เนื่องจาก เอเลียควิม มองกาล่า ไม่สมบูรณ์ เช่นเดียวกับ เยสเปอร์ ซิลเลสเซ่น นายทวารดัตช์,การ์ลอส โซเลร์ 

11 นักเตะตามคาด

    เซลต้า บีโก้ (4-2-3-1) อีบัน บียาร์-อูโก้ มาโย่,โจเซป ไอดู,เนสตอร์ อาเราโฮ,ลูกัส โอลาซ่า-เรนาโต้ ตาเปีย,โอกาย โยกูสลู-เอ็มเร่ มอร์,บราอิส เมนเดส,โนลีโต้-ยาโก้ อาสปาส

    บาเลนเซีย (4-2-3-1) เยาเม่ โดเมเน็ค-ดาเนี่ยล วาส,กาเบรียล เปาลิสต้า,มูคตาร์ เดียกาบี้,โฆเซ่ กาย่า-อูโรส ราซิช(บิเซนเต้ เอสเกร์โด้),จอฟเฟร่ ก็องด็อกเบีย-,ยูนูส มูซาห์,อี กังอิน,กอนซาโล่ เกเดส-มักซี่ โกเมซ

ผลการพบกันที่ผ่านมา
วัน/เดือน/ปี    รายการ         ผลการแข่งขัน 
02/02/20        ลาลีกา   บาเลนเซีย 1-0 เซลต้า บีโก้
25/08/19        ลาลีกา  เซลต้า บีโก้ 1-0 บาเลนเซีย
20/01/19        ลาลีกา  เซลต้า บีโก้ 1-2 บาเลนเซีย
27/09/18        ลาลีกา   บาเลนเซีย 1-1 เซลต้า บีโก้
21/04/18        ลาลีกา  เซลต้า บีโก้ 1-1 บาเลนเซีย

ผลงาน 5 นัดหลังสุด 
เซลต้า บีโก้

12/09/20 เสมอ เออิบาร์ 0-0 (เยือน) ลาลีกา 
05/09/20 เสมอ สปอร์ติ้ง กิฆอน 1-1 (เหย้า) กระชับมิตร 
02/09/20 ชนะ ลูโก้ 2-0 (เหย้า) กระชับมิตร 
26/08/20 เสมอ เรอัล โอเบียโด้ 2-2 (เหย้า) กระชับมิตร 
20/07/20 เสมอ เอสปันญ่อล 0-0 (เยือน) ลาลีกา 

บาเลนเซีย
14/09/20 ชนะ เลบันเต้ 4-2 (เหย้า) ลาลีกา 
06/09/20 ชนะ คาร์ทาเกน่า 3-1 (เหย้า) กระชับมิตร 
30/08/20 เสมอ เลบันเต้ 0-0 (เยือน) กระชับมิตร 
29/08/20 ชนะ บียาร์เรอัล 2-1 (เหย้า) กระชับมิตร 
23/08/20 ชนะ คาสเตลล่อน 1-0 (เหย้า) กระชับมิตร 

 

ฝรั่งเศสไร้ “เอ็มบั๊ปเป้”! “กรีซมันน์” พร้อมตะบันโครเอเชียศึกเนชั่นส์ลีก

"ขุนพลตราไก่" ฝรั่งเศส จะไม่มี คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ที่ล่าสุดตรวจเจอว่าติดเชื้อโควิด-19 โดย อองตวน กรีซมันน์ ยังคงพร้อมลงกระชากล่าสกอร์ เกมพบ "ตาหมากรุก" โครเอเชีย ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก (ลีก เอ กลุ่ม 3) วันอังคารที่ 8 ก.ย. ศกนี้  เวลา 01.45 น.

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก (ลีก เอ กลุ่ม 3)
วันอังคารที่ 8 กันยายน 2563
ฝรั่งเศส   –   โครเอเชีย


สนาม : สต๊าด เดอ ฟร้องซ์, ปารีส

 

    ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เทรนเนอร์ทีมชาติฝรั่งเศส พาทีมชนะสวีเดน 1-0 ในเกมเนชั่นส์ ลีกล่าสุด เป็นการคว้าชัย 3 นัดติด

    ความพร้อมล่าสุด ”เดเด้” เรียก เบอนัวต์ กาสติล ประตูบอร์กโดซ์ เข้ามาเสริมแทน สตีฟ ม็องด็องด้า นายด่านจากโอลิมปิก มาร์กเซย ที่ติดโควิด

    ส่วน ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ กองหลังดาวรุ่งไลป์ซิก 1 ใน 3 แข้งใหม่ ที่ถูกเรียกมาติดธงครั้งแรกและได้ประเดิมไปแล้วในเกมก่อน ก็น่าจะได้รับโอกาสต่อไป หลังทำผลงานได้ดี

    ขณะที่แกนหลักขาประจำรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น อูโก้ โยริส กัปตันทีม, ราฟาแอล วาราน, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, อองตวน กรีซมันน์ และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ก็ยังพร้อมช่วยทีมเหมือนเดิม

    ทั้งนี้ทัพตราไก่จะไม่มี คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ที่ล่าสุดตรวจเจอว่าติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งน่าจะใช้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล โดยนัดล่าสุดเป็นตัวสำรองลงมาแทน เอ็มบั๊ปเป้

    ซลัตโก้ ดาลิช เทรนเนอร์ทีมชาติโครเอเชีย พาทีมแพ้โปรตุเกสยับเยิน 1-4 ในเกมเนชั่นส์ ลีกล่าสุด เป็นการแพ้นัดแรกในรอบ 3 เกม

    ความพร้อมเกมนี้ ดาลิชไม่มีปัญหาอะไรรบกวนเพิ่มเติม แต่อาจมีการปรับทัพพอสมควร พวกแข้งดังที่เป็นแค่สำรองอย่าง มาร์เซโล่ โบรโซวิช และ อิวาน เปริซิช น่าจะได้สลับมาออกสตาร์ต

    ส่วนขุมกำลังหลักรายอื่นๆ อย่าง เดยัน ลอฟเรน, โดมากอย วีด้า, มาเตโอ โควาซิช, อันเต้ เรบิช และ อันเดรย์ ครามาริช ยังพร้อมช่วยทีมเหมือนเดิม


นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
    
    ฝรั่งเศส (3-4-1-2) : อูโก้ โยริส – ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, ราฟาแอล วาราน, เพรสแนล คิมเพมเบ้ – เลโอ ดูบัวส์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, อาเดรียง ราบิโอต์, ลูก้าส์ ดีญ – อองตวน กรีซมันน์ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
    เทรนเนอร์ : ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ 
    
    โครเอเชีย (4-2-3-1) : โดมินิค ลิวาโควิช – ทิน เยดวาย, เดยัน ลอฟเรน, โดมากอย วีด้า, บอร์นา บาริซิช – มาริโอ ปาซาลิช, มาเตโอ โควาซิช – โยซิป เบรกาโล่, นิโกล่า วลาซิช, อันเต้ เรบิช – อันเดรย์ ครามาริช 
    เทรนเนอร์ : ซลัตโก้ ดาลิช
 
    ผู้ตัดสิน : โอวิดิอู ฮาเตกาน (โรมาเนีย) 

 

ผลงานการพบกันที่ผ่านมา
วัน/เดือน/ปี      รายการ              ผลการแข่งขัน
15/07/18  ฟุตบอลโลก รอบชิงชนะเลิศ    ฝรั่งเศส ชนะ โคร
เอเชีย 4-2 


ผลงาน 5 นัดหลังสุด
ฝรั่งเศส

05/09/20  ชนะ  สวีเดน  1-0 (เยือน) เนชั่นส์ ลีก 
18/11/19 ชนะ แอลเบเนีย 2-0 (เยือน) คัดยูโร    
14/11/19   ชนะ มอลโดวา 2-1 (เหย้า) คัดยูโร
15/10/19   เสมอ ตุรกี 1-1 (เหย้า) คัดยูโร
11/10/19    ชนะ ไอซ์แลนด์  1-0 (เยือน) คัดยูโร

โครเอเชีย 
05/09/20 แพ้ โปรตุเกส 1-4 (เยือน) เนชั่นส์ ลีก 
20/11/19 ชนะ จอร์เจีย 2-1 (เหย้า) อุ่นเครื่อง     
14/10/19    เสมอ เวลส์ 1-1 (เยือน) คัดยูโร 
10/10/19   ชนะ ฮังการี 3-0  (เหย้า) คัดยูโร
09/09/19    เสมอ อาเซอร์ไบจาน 1-1 (เยือน) คัดยูโร 

มาร์กเด่น-ชิรูด์ซัดปิด! ฝรั่งเศสถลุงโครแอต เฮ2นัดติดเนชั่นส์ลีก

"ตราไก่" ฝรั่งเศส ย้ำชัยเหนือ โครเอเชีย ได้อีกครั้งหลังเช็กบิลด้วยสกอร์เดียวกับนัดชิงฯบอลโลกที่รัสเซีย เมื่อเปิดบ้านไล่ถลุงเอาชนะไปได้อย่างสนุก 4-2 เก็บ 6 แต้มเต็ม แต่รั้งอันดับ 2 ของกลุ่มหลัง โปรตุเกส ที่เฮรวดเช่นกันมีลูกได้เสียดีกว่า ในเกม เนชั่นส์ ลีก กลุ่ม 3 ลีก เอ เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา
สนาม : สต๊าด เดอ ฟร้องซ์, ปารีส

    ศึกเนชั่นส์ ลีก เมื่อคืนวันอังคารที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา "ตราไก่" ฝรั่งเศส ได้กลับมาเล่นในบ้านหลังเกมที่แล้วบุกไปเฉือน สวีเดน 1-0 แมตช์นี้รับมือ โครเอเชีย ที่พ่ายมาเละเทะในนัดเปิดสนามให้แชมป์เก่า โปรตุเกส 1-4 ศึกเกมนี้ถือเป็น รีแมตช์คู่ชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย

    ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ปวดหัวกับสภาพทีมที่ไม่พร้อม แถมล่าสุดต้องขาด คีลิยัน เอ็มบัปเป้ หัวหอกตัวเก่งหลังตรวจพบว่ามีเชื้อโควิด-19 ทำให้ต้องโดนกักตัวตามมาตรการด้านความปลอดภัย โดยเกมนี้แนวรุกใช้ วิสซาม เบน เยแดร์ คู่กับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และทิ้ง อองตวน กรีซมันน์ เป็นหน้าต่ำ ด้าน ซลัตโก้ ดาลิช ไม่มีปัญหาเท่าไหร่มีโรเตชั่นบางตำแหน่ง แนวรุกใช้ 3 ประสานทั้ง อิวาน เปริซิช, อันเดรย์ ครามาริช และอันเต เรบิช

    เปิดฉากครึ่งแรก มาไม่ถึง 2 นาที ทัพโครแอตได้ทักทายก่อนเลย หลัง นิโกลา วลาซิช โขกบอลต่อให้ อิวาน เปริซิช วอลเลย์ด้วยซ้ายนอกกรอบแต่บอลเบาไปก่อนไปเข้ามือ อูโก้ โยริส

    นาที 16 กลายเป็น ทัพตาหมากรุก ที่บุกมาขึ้นนำไปก่อน 1-0 บอลจากลูกคอนเนอร์ทางด้านขวา นิโกลา วลาซิช เปิดโด่งเข้ามาในกรอบ มุสซ่า ซิสโซโก้ โหม่งสกัดบอลไม่ดีไปเข้าทาง เดยัน ลอฟเรน ที่โชว์ความเหนือชั้นเอาบอลลงหนี ลูกัส แอร์กน็องเดซ ก่อนตะบันด้วยซ้ายเต็มแรงผ่านมือ อูโก้ โยริส เข้าไป

    เจ้าถิ่นได้โอกาสบ้าง นาที 22 แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ผ่านบอลให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล อัดด้วยขวานอกกรอบแต่บอลเหินโด่งข้ามคานไป

    "ตราไก่" ปล่อยโอกาสตีเสมอหลุดลอยไป ในนาที 33 หลัง มาร์กซิยาล จ่ายบอลทะลุให้ อองตวน กรีซมันน์ หลุดไปในกรอบทางซ้ายก่อนจะซัดด้วยเท้าซ้ายไปติดตัว โดมินิค ลิวาโควิช

    อีก 2 นาทีต่อมา กรีซมีนน์ ได้โอกาสซัดฟรีคิกนอกกรอบกว่า 25 หลา แต่ดาวยิงจากบาร์เซโลน่าปั่นบอลเหินคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง

    นาที 43 ฝรั่งเศส มาตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จจากการประสานงานกันยอดเยี่ยมหลัง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล พาบอลขึ้นมาก่อนฝากให้ แฟร์กล็องด์ เมนดี้ จ่ายเข้ากลางให้ เบน เยแดร์ ชิ่งเร็วให้ มาร์กซิยาล หลุดเข้าไปปาดบอลเข้ากลางให้ อองตวน กรีซมันน์ วอลเลย์ด้วยซ้ายเข้าไป

    เท่านั้นไม่พอช่วงทดเจ็บครึ่งแรก นาที 45+1 "ตราไก่" มาแซงขึ้นนำ 2-1 บอลขึ้นทางขวา มุสซ่า ซิสโซโก้ โขกบอลให้ วิสชาม เบน เยแดร์ หลุดขึ้นไปก่อนแปบอลไปหน้าประตูให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล สไลด์มายิงด้วยซ้ายไปชนเสา ก่อนบอลมาโดนตัว โดมินิค ลิวาโควิช เข้าประตูตัวเองไป
   
    จบครึ่งแรก ฝรั่งเศส ซัดสองเม็ดแซงขึ้นนำ โครเอเชีย 2-1

    ครึ่งหลัง ซลัตโก้ ดาลิช เทรนเนอร์โครเอเชียเปลี่ยนตัวคนแรกถอดเอา อันเต้ เรบิช ออกแล้วส่ง โจซิป เบรกาโล่ ลงไปเล่นแทน
   
    และนาที 55 เบรกาโล่ จะเป็นสำรองทีเด็ดที่ลงมาแผลงฤทธิ์ทันที หลัง มาเตโอ โควาซิช แทงบอลชนิดคิลเลอร์พาสให้เจ้าตัวหลุดเข้าไป ก่อนจะโชว์ความนิ่งหลบทั้ง แฟร์กล็องด์ เมนดี้ และเกลม็องต์ ล็องเล่ต์ ล้มตัวยิงด้วยซ้ายผ่าน อูโก้ โยริส เข้าไปให้ โครเอเชีย ไล่ตีเสมอ 2-2

    นาที 62 ทัพโครแอตเกือบแซงนำบ้างหลัง นิโกลา วลาซิส เปิดด้วยซ้ายไปเสาไกลให้ อิวาน เปริซิช กัปตันทีมที่สอดมาแปด้วยซ้ายแต่กดบอลไม่ลงเหินคานไปอย่างน่าเสียดาย

    นาที 63 ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เทรนเนอร์ของฝรั่งเศสเปลี่ยนรวดเดียวสองคนส่ง เอดูอาร์โด้ คามาแว็งก้า และโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ มาแทน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และวิสชาม เบน เยแดร์

    ก่อนในนาที 65 ฝรั่งเศส จะแซงขึ้นนำ 3-2 อีกครั้ง จากจังหวะที่ได้ลูกคอนเนอร์ทางด้านซ้าย อองตวน กรีซมันน์ เปิดเตะมุมมากลางประตูให้ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ เทกตัวไม่ถึง10หลาโขกบอลเต็มแรงลงพื้นก่อนทะลักผ่านมือ ลิวาโควิช นายด่านโครแอตเข้าไป เป็นประตูแรกในนามทีมชาติของแนวรับจากแอร์เบ ไลป์ซิก

    นาที 71 เอดูอาร์โด้ คามาแว็งก้า ตัวสำรองที่เพิ่งลงได้โชว์บ้างคราวนี้กระชากขึ้นมาทางขวาก่อนเลี้ยงจี้เข้ากรอบแล้วอัดด้วยขวาเสาแรก บอลพุ่งไปเข้ามือ โดมินิค ลิวาโควิช

    กลายเป็น "ตราไก่" ที่บุกได้น้ำได้เนื้อกว่า นาที 74 อองตวน กรีซมันน์ จ่ายบอลทะลุให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายติดเซฟนายด่านทีมเยือน

    จากนั้น นาที 76 มาร์เซโล โบรโซวิช มาทำเสียจุดโทษก่อนที่ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ จะทำหน้าที่ยิงเข้าไปทางซ้ายมือ ให้ ฝรั่งเศส นำห่างโครเอเชีย 4-2

    ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ฝรั่งเศส ไล่ถลุงคว้าชัยเหนือ โครเอเชีย 4-2

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม       
   
        ฝรั่งเศส (3-4-1-2) : อูโก้ โยริส – ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, เกลม็องต์ ล็องเล่ต์, ลูกัส แอร์กน็องเดซ – มุสซ่า ซิสโซโก้, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, สตีเว่น เอ็นซอนซี่, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ – อองตวน กรีซมันน์ – วิสซาม เบน เยแดร์ ,อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล

        เทรนเนอร์ : ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์
   
        โครเอเชีย (4-3-3) : โดมินิค ลิวาโควิช – ฟิลิป อูเรโมวิช, เดยัน ลอฟเรน, ดูเย่ ซาเลต้า-ซาร์, ดาริโอ เมลน์ยาค – มาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล โบรโซวิช, นิโกลา วลาซิช – อันเต้ เรบิช, อันเดรย์ ครามาริช, อิวาน เปริซิช

        เทรนเนอร์ : ซลัตโก้ ดาลิช
 
        ผู้ตัดสิน : โอวิดิอู ฮาเตกาน (โรมาเนีย)

อินเตอร์ว่าไง?เผยค่าตัวก็องเต้ที่เชลซีต้องการ

 

ดิ เอ็กซ์เพรส สื่อของอังกฤษ ตีข่าว เชลซี จะยอมขาย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ให้กับ เชลซี ก็ต่อเมื่อได้เงิน 80 ล้านปอนด์ โดยทั้ง 2 ทีมเจรจาในเบื้องต้นไปแล้ว แต่ทาง แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี ยังไม่อยากขายเขา
   
เชลซี สโมสรดังของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตั้งค่าหัว เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสเอาไว้ที่ 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,200 ล้านบาท) ตามการเปิดเผยของ ดิ เอ็กซ์เพรส สื่อชั้นนำของเมืองผู้ดี

ก็องเต้ ตกเป็นข่าวเกี่ยวกับการย้ายทีมอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยตอนแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือทีมที่มีข่าวกับเขาอย่างต่อเนื่อง แต่พักหลังมันก็เงียบลงไป ขณะที่ อินเตอร์ มิลาน ก็โผล่มามีข่าวเชื่อมโยงกับแข้งเลือดน้ำหอมอย่างหนักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยว่ากันว่า อันโตนิโอ คอนเต้ เทรนเนอร์ อินเตอร์ บอกกับบอร์ดบริหารเองเลยว่าอยากร่วมงานกับ ก็องเต้ อีกครั้ง

ทั้งนี้ ดิ เอ็กซ์เพรส เผยว่า อินเตอร์ กับ เชลซี คุยในเบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แต่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี ยังไม่อยากขาย ก็องเต้ ซึ่งถือว่าตรงกันข้ามกับข่าวลือก่อนหน้านี้ที่บอกว่า เชลซี พร้อมโละเขาเพื่อสร้างทีมขึ้นมาใหม่ และ เชลซี ก็ต้องการเงิน 80 ล้านปอนด์ถึงจะยอมปล่อยแข้งวัย 29 ปี

เรื่องดังกล่าวทำให้ อินเตอร์ จำเป็นต้องขายนักเตะบางรายเพื่อหาเงินมาใช้สำหรับการเสริมทัพ ซึ่งหนึ่งในคนที่อาจจะโดนโละคือ คริสเตียน เอริคเซ่น มิดฟิลด์ชาวเดนมาร์กที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับทีมเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา