บาร์โตเมวชี้รั้งเมสซี่เพื่อทีม-ประกาศชัดไม่ลาออก

โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว บิ๊กบอส บาร์เซโลน่า ระบุ ทำเพื่อทีมล้วนๆ ที่รั้งตัว ลิโอเนล เมสซี่ เอาไว้กับ "อาซูลกราน่า" พร้อมเผย จะไม่ลาออกชัวร์

โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ประธาน บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ ลา ลีกา สเปน เปิดเผยว่าสาเหตุที่ตนไม่ยอมให้ ลิโอเนล เมสซี่ ได้ย้ายออกจากทีมในตลาดซื้อ-ขายนักเตะ ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เป็นการทำด้วยการมองถึงผลประโยชน์ของทีมเป็นหลัก

ในตลาดช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาอนาคตของ เมสซี่ กลายเป็นหนึ่งในประเด็นร้อนของโลกลูกหนัง หลังจากที่เขายื่นเรื่องขอย้ายออกจาก บาร์เซโลน่า ทั้งที่เจ้าตัวมาอยู่กับทีมตั้งแต่ระดับอะคาเดมี่ในปี 2001 โดยสาเหตุเป็นเพราะเขามีความสัมพันธ์ที่เลวร้ายกับบอร์ดบริหารชุดนี้ที่อยู่ภายใต้การนำของ บาร์โตเมว อย่างเช่นความเห็นไม่ตรงกันเรื่องนโยบายการทำทีม เป็นต้น

ทั้งนี้ เมสซี่ ตั้งใจจะย้ายทีมด้วยการใช้เงื่อนไขในสัญญาที่บอกว่าเขาสามารถยกเลิกสัญญากับทีมได้ทุกๆ ช่วงซัมเมอร์ของแต่ละปี อย่างไรก็ตาม บาร์เซโลน่า บอกว่าเงื่อนไขดังกล่าวมันเลยเส้นตายที่กำหนดเอาไว้แล้ว ทำให้ทางเดียวที่ เมสซี่ จะย้ายทีมได้ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาก็คือต้องมีทีมยอมทุ่มเงินเท่ากับค่าฉีกสัญญาเท่านั้น ซึ่งจำนวนเงินที่ว่าก็สูงถึง 700 ล้านยูโร (ประมาณ 25,900 ล้านบาท)

ท้ายที่สุดแล้ว เมสซี่ ก็ยอมอยู่กับทีมต่อไป อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ตำหนิบอร์ดบริหารของ บาร์เซโลน่า ว่าตัดสินใจผิดในเรื่องนี้ เพราะว่าตอนนี้แข้งวัย 33 ปีเหลือสัญญากับทีมถึงช่วงซัมเมอร์ ปีหน้าเท่านั้น ทำให้เขามีโอกาสที่จะย้ายทีมแบบไร้ค่าตัว และบางฝ่ายยังถึงขั้นมองอีกว่า เมสซี่ อาจจะไม่ทุ่มเทให้ทีมมากเท่ากับแต่ก่อนด้วย อย่างไรก็ตาม บิ๊กบอส บาร์เซโลน่า บอกว่าตนทำทั้งหมดไปก็เพื่อทีมล้วนๆ

บาร์โตเมว เผยว่า "สิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดคือการให้ เมสซี่ เป็นส่วนหนึ่งในโปรเจกต์ใหม่ของเรา ดังนั้นผมเลยตัดสินใจคัดค้านการที่จะเริ่มเจรจาเรื่องการย้ายทีมของเขา ผมโดนใส่ร้ายว่าผมบีบให้เขาย้ายทีมเพื่อที่จะทำให้บัญชีของเรามีความสมดุล แต่เปล่าเลย เราให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของสโมสรเป็นอันดับแรก และไม่อยากทำให้คู่แข่งโดยตรงของเราแข็งแกร่งขึ้น เราตัดสินใจรั้งตัวเขาทั้งที่รู้ดีว่าการทำแบบนี้มันจะทำให้เราโดนด่า"

"ผมเข้าใจจุดยืนของทุกคนดี ความเห็นอกเห็นใจกันนับเป็นสิ่งที่สำคัญ ในกรณีของ เลโอ น่ะ มันเป็นเรื่องดีที่จะมีการรู้สึกโกรธกันบ้าง เพราะการยอมรับความพ่ายแพ้มันไม่เคยเป็นเรื่องดี และเราต่างก็โกรธกันทั้งนั้น แต่มันมีการกำหนดเส้นตายเอาไว้อยู่แล้วว่าเขาสามารถประกาศเรื่องที่อยากย้ายทีมรึเปล่าได้จนถึงเมื่อไหร่ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ทำตามเส้นตายที่กำหนดเอาไว้ เราต่างก็อยากให้เขาแขวนสตั๊ดที่ บาร์ซ่า กันทั้งนั้น โปรเจกต์ของเราเป็นโปรเจกต์ที่น่าสนใจมากๆ ด้วยการที่มีทั้งนักเตะดาวรุ่งและวัยเก๋า อย่างเช่น เมสซี่ อยู่ในทีม ซึ่งผมก็เชื่อว่าเขาจะช่วยทำให้เราได้แชมป์ลีกในฤดูกาลนี้"

บาร์โตเมว ยืนกรานว่าตนจะไม่ลาออกจากตำแหน่งอย่างแน่นอน หลังจากที่ผ่านมามีหลายฝ่ายตำหนิเขาอย่างหนักและเรียกร้องให้เขาลงจากตำแหน่งก่อนที่จะหมดวาระการเป็นประธานของทีมในปีหน้า "มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องลาออกเลย นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่ผมจะมายื่นขอลาออก และมันก็จะไม่มีใครสามารถตัดสินใจแทนผมได้ด้วยว่าผมควรจะลาออกรึเปล่า ผมไม่เคยคิดเกี่ยวกับการลาออกเลย"

 

“มาร์กซิยาล” ยังแบน!แมนยูส่ง “คาวานี่” เปิดซิง,เชลซีกู้ชัย! “แวร์เนอร์” พร้อมล่า

อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ยังไม่สามารถลงช่วยทีมได้เหตุติดโทษแบน ขณะที่ เอดินสัน คาวานี่ น่าจะได้ลงประเดิมสนามเกม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดถิ่นรับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่ต้องการขุดฟอร์มเก่งโดยมี ติโม แวร์เนอร์ พร้อมล่าตาข่าย ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 24 ต.ค. ศกนี้  ถ่ายทอดสด : True Premier HD 1 (เวลา : 23.30 น.)
ปรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563
แมนฯ ยูไนเต็ด   –   เชลซี
ถ่ายทอดสด : True Premier HD 1 (เวลา : 23.30 น.)

สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

แมนฯ ยูไนเต็ด :

    แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาคืนฟอร์มเก่งอีกครั้งใน 2 เกมที่ผ่านมาหลังบุกไปคว้าชัยเหนือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 4-1 ในเกมลีกนัดล่าสุด ต่อด้วยการยัดเยียดความปราชัยให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 2-1 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอช นัดแรก เมื่อวันอังคารที่ 20 ตุลาคม

    ความพร้อมของปีศาจแดงในเกมนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือชาวนอร์เวย์ ออกมายืนยันว่า เอริก ไบยี่ ที่ไม่ได้ลงเล่นในเกมกลางสัปดาห์โดนโรคเดี้ยงบริเวณกล้ามเนื้อเล่นงาน ซึ่งจะทำให้กองหลังทีมชาติไอวอรี่โคสต์ ต้องพักรักษาตัวเป็นเวลา 3-4 สัปดาห์ และจะพลาดช่วยทีมในเกมที่จะพบกับสิงโตน้ำเงินคราม, แอร์เบ ไลป์ซิก, อาร์เซน่อล, อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ และ เอฟเวอร์ตัน โดยคาดว่าเจ้าตัวจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในเกมหลังช่วงพักเบรกทีมชาติที่จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของเวสต์บรอมวิช ในวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน

    เช่นเดียวกันกับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้ลงสนามในเกมกับเปแอสเช หลังได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากเกมทีมชาติ แต่อดีตนายใหญ่ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ หวังว่า เซนเตอร์แบ็กเลือดผู้ดี จะผ่านการทดสอบความฟิตกลับช่วยทีมได้ทันเวลา โดยจะจับคู่กับ อักเซล ตวนเซเบ้ ที่เพิ่งได้รับโอกาสลงสนามนัดแรกในรอบ 10 เดือน และทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจที่ปารีส ทำให้ เร้ด เดวิลส์ จะกลับมาใช้แผนการเล่น 4-2-3-1 ตามที่ถนัดอีกครั้ง

    ในแดนหน้า เร้ด เดวิลส์ จะยังไม่มี อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ติดโทษแบนเป็นเกมที่ 2 จาก 3 เกมจากการโดนใบแดงในเกมกับสเปอร์ส ซึ่งทำให้ดาวยิงตัวใหม่อย่าง เอดินสัน คาวานี่ จะได้โอกาสประเดิมสนามในเกมนี้ โดยมี มาร์คัส แรซฟอร์ด ที่เป็นฮีโร่ซีดประตูชัยให้กับทีมในเกมล่าสุดยืนริมเส้นฝั่งซ้าย และฝั่งขวาเป็น ฆวน มาต้า หลังยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เมสัน กรีนวู้ด ที่ไม่มีชื่ออยู่ในทีม 2 เกมหลังสุดนั้นเป็นเพราะอาการบาดเจ็บตามที่โซลชาออกมายืนยันหรือเป็นเพราะการขาดระเบียบวินัยจนถูกผู้บริหารทีมเตือนก็ตาม ขณะที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยืนอยู่หลังศูนย์หน้าตัวเป้าอย่าง คาวานี่

    ถึงแม้ว่า เจสซี่ ลินการ์ด พร้อมที่จะกลับมาช่วยทีมอีกครั้งแล้ว แต่ก็คงจะยังไม่มีชื่ออยู่ในทีม ส่วน ปอล ป็อกบา ก็จะต้องนั่งรอโอกาสอยู่ที่ซุ้มม้านั่งสำรองอีกตามเคย รวมไปถึง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค

เชลซี :

    เชลซีสะดุดไม่ชนะใครมา 2 เกมติดต่อกันหลังเสมอกับเซาธ์แฮมป์ตัน 3-3 ในเกมลีกนัดที่แล้วและเจ๊ากับเซบีย่า 0-0 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม อี นัดแรก

    สภาพทีมของสิงโตน้ำเงินคราม ค่อนข้างสมบูรณ์ดีทีเดียวหลังขาดเพียงแค่ บิลลี่ กิลมอร์ ที่ยังคงต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าอยู่ในเวลานี้ ขณะที่ เอดูอาร์ เมนดี้ สลัดโรคเดี้ยงกลับมาเฝ้าเสาได้ในเกมที่พบกับเซบีย่า และช่วยให้ทีมไม่เสียประตูได้อีกด้วย

    ก่อนหน้านี้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือหนุ่มไฟแรง ออกมาปฏิเสธถึงความกังวลเกี่ยวกับสภาพร่างกายของ ติอาโก้ ซิลวา เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากที่เจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บรบกวนจากการปะทะกับผู้เล่นเซบีย่า ในครึ่งหลังของเกมดังกล่าว แต่สุดท้ายก็สามารถลงสนามได้ครบ 90 นาที

    ขณะที่ ฮาคิม ซิเย็ค ดาวเตะป้ายแดง ที่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมายังคงต้องรอโอกาสออกสตาร์ตเป็นตัวจริงนัดแรกต่อไป

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

    แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา – อารอน วาน-บิสซาก้า, อักเซล ตวนเซเบ้, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, อเล็กซ์ เตลลิส –  สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด – ฆวน มาต้า, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด – เอดินสัน คาวานี่
    ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

    เชลซี (4-2-3-1) : เอดูอาร์ เมนดี้ – รีซ เจมส์, ติอาโก้ ซิลวา, คูร์ท ซูม่า, เบน ชิลเวลล์ – จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ –  เมสัน เมาน์ท, ไค ฮาแวร์ทซ์, คริสเตียน พูลิซิช – ติโม แวร์เนอร์
    ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด

    ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอตกินสัน

 

แวน บาสเทนชี้ฟาน เดอ เบ็คไม่ควรซบแมนยู

มาร์โก แวน บาสเท่น แสดงความเห็นกับสื่อประเทศบ้านเกิด โดยเชื่อว่า ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ควรที่จะอดทนรอทางเลือกอื่นแทนที่จะย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
   
มาร์โก แวน บาสเท่น ตำนานทีมชาติฮอลแลนด์ ให้ความเห็นว่า ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค มิดฟิลด์รุ่นน้อง ไม่ควรรีบย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เพราะการเป็นผู้เล่นที่มีฝีเท้าดีควรที่จะได้ลงสนามทุกสัปดาห์

ฟาน เดอ เบ็ค ได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์พรสวรรค์สูงของวงการลูกหนัง และสุดท้ายเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่คว้าตัว ฟาน เดอ เบ็ค ไปครอบครองด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,520 ล้านบาท
 
อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ย้ายทีม ฟาน เดอ เบ็ค ในวัย 23 ปี กลับไม่ได้ลงสนามเต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าที่ควร โดยเพิ่งได้ลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีก ไปเพียง 61 นาทีเท่านั้น อีกทั้งเกมล่าสุดที่ต้นสังกัดเสมอกับ เชลซี 0-0 ก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีมเลย

ในเรื่องนี้เอง แวน บาสเท่น ให้สัมภาษณ์กับ Ziggo Sport สื่อโทรทัศน์ในประเทศฮอลแลนด์ ระบุถึงเรื่องที่ว่า ฟาน เดอ เบ็ค ควรจะรอข้อเสนออื่นๆ แทนที่ย้ายไปร่วมทีม ‘ปีศาจแดง’

"ดอนนี่ ไม่ควรย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"

"ในเมื่อคุณเป็นผู้เล่นที่ดี คุณก็ต้องการที่จะลงสนามทุกสัปดาห์" อดีตยอดกองหน้าเผย

"มันเป็นเรื่องแย่มากๆ สำหรับผู้เล่นอย่าง ดอนนี่ ที่จะได้ลงเล่นแค่ 6 หรือ 7 เกมในปีนี้ นั่นคือเรื่องช็อคในการที่คุณต้องมีเกมเพื่อจับจังหวะในการเล่น"

"ผมรู้ว่าเขาได้รับค่าแรงมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว แต่ในการเป็นนักเตะฝีเท้าดีคุณก็ต้องมีวิจารณญาณ และมองถึงโอกาสในการลงเล่นตอนที่คุณจะเซ็นสัญญากับทีมใหม่"

"ดอนนี่ ควรที่จะรอโอกาสที่ดีกว่า และเซ็นสัญญากับสโมสรอื่น" แวน บาสเท่น กล่าวปิดท้าย

ทั้งนี้ ความเห็นของ แวน บาสเท่น สอดคล้องกับสิ่งที่ ปาทริซ เอวร่า อดีตแบ็กซ้าย แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ตั้งข้อสงสัยว่าทำไม ‘ปีศาจแดง’ ถึงต้องทุ่มเงินซื้อ ฟาน เดอ เบ็ค มาร่วมทีม ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่คิดที่จะใช้งาน

 

ซัมเมอร์หน้า มีลุ้นย้ายหรือไม่?เปิดเงื่อนไขฉีกสัญญาฮาแลนด์

หลังจากที่ เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ ดาวยิง ดอร์ทมุนด์ ตกเป็นข่าวการย้ายทีมอยู่เรื่อยๆ ล่าสุด ฟาบริซิโอ โรมาโน่ ก็แทบจะดับฝันทีมที่อยากได้เขาในช่วงซัมเมอร์ ปีหน้า ด้วยการบอกว่าถึงแม้ ฮาแลนด์ จะมีค่าฉีกสัญญา 75 ล้านยูโร แต่มันจะมีผลในช่วงซัมเมอร์ ปี 2022 และ "เสือเหลือง" ก็ไม่คิดที่จะขายเขาด้วยค่าตัวจำนวนนั้นภายในปีหน้า

ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวชาวอิตาเลียนที่มีความน่าเชื่อถือสูงเปิดเผยว่าเงื่อนไขค่าฉีกสัญญาของ เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ กองหน้าคนเก่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรชั้นนำของศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน นั้น จะมีผลในช่วงซัมเมอร์ปี 2022

นับตั้งแต่ที่ย้ายมาจาก เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ในช่วงกลางฤดูกาลก่อน ฮาแลนด์ ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยเขาทำไปแล้ว 23 ประตูจากการลงเล่น 26 นัดในทุกรายการ ส่วนถ้านับเฉพาะฤดูกาลนี้เจ้าตัวก็กดไปแล้ว 7 ลูกจากการลงเล่นในทุกรายการ 8 เกม

อย่างไรก็ตาม ดาวยิงชาวนอร์เวย์ก็ตกเป็นข่าวเกี่ยวกับการย้ายทีมอย่างหนักตามไปด้วย โดยมีข่าวว่า เรอัล มาดริด กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจับตาดูสถานการณ์ของเจ้าตัวอย่างใกล้ชิด และก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือว่าค่าฉีกสัญญาของเขาอยู่ที่ 75 ล้านยูโร (ประมาณ 2,775 ล้านบาท) ซึ่งถึงแม้จะเป็นตัวเลขที่สูงแต่มันก็ดูคุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลงานการทำประตูของเขา

กระทั่งล่าสุด โรมาโน่ ก็แฉว่าค่าฉีกสัญญาของ ฮาแลนด์ อยู่ที่ 75 ล้านยูโรจริง แต่มันจะยังไม่มีผลจนกว่าจะถึงช่วงซัมเมอร์ ปี 2022 และตอนนี้ ดอร์ทมุนด์ ก็กำลังประทับใจกับผลงานของแข้งวัย 20 ปีมากๆ จนไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยเขาด้วยเงินจำนวนนั้นในช่วงซัมเมอร์ ปีหน้าแน่นอน

ฮามันน์จวกดอร์ทมุนด์ยังให้รอยส์เป็นกัปตันทีม

ดีทมาร์ ฮามันน์ ระบุ ดอร์ทมุนด์ ทำพลาดมหันต์ที่ยังให้ มาร์โก รอยส์ เป็นกัปตันทีมอยู่ พร้อมบอกว่า "เสือเหลือง" เวลาไร้เงาของ รอยส์ มักจะเล่นได้ดีสุดๆ ด้วย

ดีทมาร์ ฮามันน์ อดีตยอดกองกลางชาวเยอรมัน ตำหนิ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ว่าตัดสินใจพลาดที่ยังให้ มาร์โก รอยส์ ดาวเตะคนดังเป็นกัปตันทีมมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะส่วนตัวแล้วมองว่าแข้งรายดังกล่าวไม่คู่ควรกับการสวมปลอกแขนเลย

รอยส์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมของ ดอร์ทมุนด์ เมื่อปี 2018 แต่ตลอดเวลาที่เขาอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ นั้น เจ้าตัวมักจะโดนอาการบาดเจ็บตามเล่นงานอยู่เรื่อยๆ โดยในช่วง 4 ฤดูกาลก่อนหน้านี้นั้น มีเพียงซีซั่นเดียวที่เขาได้ลงเล่นในลีกอย่างน้อย 20 เกม

พอโดนถามว่า ดอร์ทมุนด์ จำเป็นต้องมีอะไรเพื่อที่จะกลับไปเป็นหนึ่งในทีมยักษ์ใหญ่ของทวีปยุโรปได้นั้น ฮามันน์ ก็ตอบว่า "พวกเขาต้องมีผู้นำที่มีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง คุณจะมีกัปตันทีมที่ได้ลงเล่นแค่ครึ่งเดียวของทั้งฤดูกาลไม่ได้หรอก ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ปลดเขาออกจากการเป็นกัปตันทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ที่จริงผมสงสัยด้วยซ้ำว่าเขาควรจะเป็นกัปตันทีมตั้งแต่ 2 ปีก่อนรึเปล่า คุณจำเป็นต้องมีคนที่จะฉุดกระชากทีมไปข้างหน้ามาเป็นกัปตันทีม"

อดีตแข้ง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค เสริมว่า ดอร์ทมุนด์ มักจะทำผลงานได้ดีกว่าด้วยซ้ำหากไม่มี รอยส์ ลงเล่นเป็นตัวจริง อย่างเช่นนัดล่าสุดที่ชนะ ชาลเก้ 3-0 ในเกมดาร์บี้แมตช์แห่งแคว้นรูห์ เมื่อวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยเกมดังกล่าว รอยส์ โดนเปลี่ยนตัวลงสนามในช่วง 13 นาทีสุดท้าย "เบเฟาเบ มักจะเจอปัญหาจากเขาเวลาที่เขาไม่ได้เป็นตัวจริงพักใหญ่ แต่คุณไม่ควรจะตัดสินใจจัดทีมเพียงเพื่อทำให้นักเตะรู้สึกดีหรือเพื่อไม่ทำให้เขารู้สึกโมโห คุณต้องทำสิ่งที่จะเป็นผลดีที่สุดต่อทีมและต่อสโมสร"

"ดอร์ทมุนด์ ในตอนนี้จะเล่นได้ดีกว่าเมื่อไม่มี รอยส์ อยู่ในสนาม ตอนที่ไม่มีเขาน่ะ (โจวานนี่) เรย์น่า ดูดีเลย ขณะที่ (เออร์ลิง เบราต์) ฮาแลนด์ ก็มีสภาพที่ยอดเยี่ยมมากๆ ส่วน (ยูเลี่ยน) บรันด์ท ก็เล่นได้ดี แถมพวกเขายังมี (เจดอน) ซานโช่ ที่ถือว่าโดดเด่นสุดๆ อีกต่างหาก"

5จุดสำคัญที่จะทำให้มูรินโญ่พาสเปอร์สบินสูง

เปิด 5 เหตุผลสำคัญที่จะทำให้ โชเซ่ มูรินโญ่ พา สเปอร์ส ทำผลงานเยี่ยมในซีซั่นนี้ หลังเริ่มจูนทีมได้ลงตัวในการทำงานฤดูกาลที่สอง
        ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พุ่งขึ้นมาเป็นเต็ง 3 ที่จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020/21 ตามสายตาของบริษัทรับพนันที่ถูกกฎหมายแทบทุกแห่งในประเทศอังกฤษ โดยเป็นรองแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล เท่านั้น

    โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ "ไก่เดือยทอง" กำลังปรับจูนทีมของตัวเองให้ลงตัว หลังเข้ามาทำงานช่วงปลายปีที่แล้ว และนี่คือ 5 เหตุผลที่จะทำให้พวกเขาไปได้สวยในฤดูกาลนี้

    1. ขุมกำลังแน่นปึ๊กทุกตำแหน่ง

    ในช่วงเปิดตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา สเปอร์ส ได้นักเตะมาเสริมทัพหลายรายทั้ง แกเร็ธ เบล, เซร์คิโอ เรกีลอน, คาร์ลอส วินิซิอุส, แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้, ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก และ  โจ ฮาร์ท

    จากการที่ทีมมีขุมกำลังขนาดใหญ่ทำให้ มูรินโญ่ สามารถหมุนเวียนนักเตะได้กับการลงเตะหลายรายการที่ต้องลงเล่นสัปดาห์ละ 2 นัด

    ในเวลานี้ ทุกตำแหน่งของ สเปอร์ส มีผู้เล่นที่ทดแทนกันได้หมดไล่ตั้งแต่นายทวารที่มีทั้ง อูโก้ โยริส และ ฮาร์ท ขณะที่แนวรับก็ดูดีขึ้นหลังได้ทั้ง เรกีลอน และ โดเฮอร์ตี้ มาเสริมทัพ

    จากการที่มีตัวเลือกหลายรายส่งผลให้ มูรินโญ่ สามารถเลือกเล่นได้ทั้งแท็กติก 4-3-3 หรือ 3-5-2 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตรงหน้าว่าจะเจอกับคู่แข่งทีมไหน

    2. ซน-เคน คู่หูนรกแตก

    ในฤดูกาลนี้ ซน ฮึง-มิน กองหน้าชาวเกาหลีใต้ ออกสตาร์ตได้ร้อนแรงด้วยการทำประตูในลีกไปแล้วถึง 7 ลูกจากการลงเล่น 5 นัด ขณะที่ใน 4 ซีซั่นก่อนหน้านี้เขาก็ทำประตูในทุกรายการรวมกันได้ถึง 77 ประตูด้วยกัน จนทำให้ได้รับคำชมอย่างมากในพักหลัง

    ขณะที่ แฮร์รี่ เคน กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ทำไปแล้ว 5 ประตูใน พรีเมียร์ลีก นอกจากนั้นทั้งคู่ยังผลัดกันจ่ายให้ยิงอีกเป็นว่าเล่น โดยในเกมบุกไปเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ขาดลอย 5-2 นั้น เคน แอสซิสต์ 4 ลูกให้ ซน ทำให้เป็นครั้งแรกใน พรีเมียร์ลีก ที่มีนักเตะคนเดิมจ่ายให้เพื่อนคนเดิมยิงทั้ง 4 ประตูอีกด้วย

    การสลับกันเป็นฝ่ายยิงและจ่ายระหว่างคู่หู "เคน-ซน" ทำให้มีประตูที่เกิดขึ้นจากการประสานงานกันของทั้งคู่ในศึก พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 28 ลูก ซึ่งมากสุดอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์ ต่อจากคู่หู แฟร้งค์ แลมพาร์ด กับ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา (36 ประตู), ดาบิด ซิลบา กับ เซร์คิโอ อเกวโร่ (29 ประตู) และ โรแบร์ ปิแรส กับ เธียร์รี่ อองรี (29 ประตู) เท่านั้น

    นอกจากนี้ นับตั้งแต่ที่ มูรินโญ่ ก้าวเข้ามาคุมทัพ "ไก่เดือยทอง" เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีก่อน เคน (33 ประตู) กับ ซน (30 ประตู) เป็นสองนักเตะที่มีส่วนร่วมกับการทำประตูรวมทุกรายการมากสุด เหนือทุกคนในเวที พรีเมียร์ลีก อีกด้วย

    3. ฮอยเบิร์ก ขับเคลื่อนเกม

    อีก 1 นักเตะ สเปอร์ส ที่ได้รับคำชมอย่างมากคือ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก กองกลางทีมชาติเดนมาร์ก ที่เพิ่งย้ายมาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา

    ค่าตัวของ ฮอยเบิร์ก วัย 25 ปี อยู่ที่แค่ราว 15 ล้านปอนด์ (ประมาณ 600 ล้านบาท) เท่านั้น และเจ้าตัวก็ยึดตัวจริงได้อย่างรวดเร็ว โดยลงเล่นเป็นตัวจริงทั้ง 5 นัดใน พรีเมียร์ลีก และลงสนามเกม ยูโรปา ลีก ที่ชนะ แอลเอเอสเค 3-0 ด้วย

    ฮอยเบิร์ก ทำได้เยี่ยมทั้งในเรื่องการตัดเกม ส่งผลให้ช่วยงานของกองหลังได้เยอะ ขณะที่การทำเกมรุกก็โดดเด่น จ่ายบอลได้เยี่ยม เหมือนอย่างที่แสดงให้เห็นในการจ่ายทะลุช่องเข้าเขตโทษให้ แซร์ช ออริเย่ร์ ยิงประตูในเกมบุกไปถล่ม แมนฯ ยูไนเต็ด 6-1

    4. ไม่ใช่ มู จอมน่าเบื่ออีกแล้ว

    ก่อนหน้านี้ มูรินโญ่ ถูกมองว่า เป็นกุนซือที่น่าเบื่อ และชอบใช้แผนรถบัสในการเน้นผลการแข่งขัน ส่งผลให้ทีมของเขาไม่ค่อยทำประตูได้มากนัก

    อย่างไรก็ตาม ในซีซั่นนี้ สเปอร์ส ไม่ได้เป็นทีมที่เล่นได้น่าเบื่อ เพราะตั้งแต่เกมแรกที่แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-1 นั้น พวกเขาก็เดินหน้ายิงประตูคู่แข่งได้มากมาย

    "ไก่เดือยทอง" เอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 5-2 บุกถล่ม แมนฯ ยูไนเต็ด 6-1 และเสมอ เวสต์แฮม 3-3 ขณะที่ในถ้วย ยูโรปา ลีก ก็อัด มัคคาบี้ ไฮฟา 7-2 และชนะ แอลเอเอสเค 3-0

    5. ระวังทีเด็ด เบล

    แกเร็ธ เบล ปีกซูเปอร์สตาร์ทีมชาติเวลส์ ได้กลับมาเล่นให้ สเปอร์ส อีกครั้ง หลังย้ายมาจาก เรอัล มาดริด ด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล

    เบล กลับมาสวมยูนิฟอร์ม "ไก่เดือยทอง" หนแรกในรอบ 7 ปี หลังจากที่เจ้าตัวเก็บข้าวของย้ายจาก สเปอร์ส ไปร่วมทัพ "ราชันชุดขาว" เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2013 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก ณ เวลานั้น ที่ 100 ล้านยูโร (ประมาณ 3,700 ล้านบาท)

    แม้ เบล จะยังทำประตูให้ สเปอร์ส ในรอบนี้ไม่ได้ แต่ถ้าดาวเตะเวลส์ กลับมามีสภาพร่างกายสมบูรณ์เต็มร้อยล่ะก็ รับรองว่าเขาจะมีทีเด็ดแน่นอน

ไปยกชุด!ลิเวอร์พูลเล็งปล่อย5แข้งก่อนปิดตลาด

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เล็งโละแข้งส่วนเกินออกจากทีมถึง 5 ราย ก่อนตลาดในประเทศปิดวันศุกร์นี้ ซึ่งมีแข้งดังอย่าง แฮร์รี่ วิลสัน รวมอยู่ด้วย
            ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรลูกหนังในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังพิจารณาที่จะปล่อยนักเตะในทีม 5 คน ออกไปแบบสัญญายืมตัว ก่อนที่ตลาดซื้อ-ขายนักเตะภายในประเทศจะปิดตัวลง วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคมนี้ ตามรายงานจาก โกล สื่อลูกหนังชื่อดัง เมื่อวันพุธที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา

            ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ได้ปล่อยนักเตะที่หมดสัญญาอย่าง อดัม ลัลลานา รวมทั้งขาย เดยัน ลอฟเรน และ ริอาน บรูว์สเตอร์ ออกจากทีม และล่าสุด คล็อปป์ มีแผนที่จะลดขนาดทีมอีกรอบ โดยเล็งปล่อยนักเตะดาวรุ่งรวมและแข้งสำรองที่ไม่ค่อยได้ใช้งานออกไปแบบชั่วคราว

            โกล ระบุว่า แฮร์รี่ วิลสัน ปีกทีมชาติเวลส์ คือหนึ่งใน 5 รายที่จะถูกปล่อยออกจากทีม โดย สวอนซี ซิตี้, ดาร์บี้ เค้าน์ตี้, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ต่างมีความสนใจที่จะยืมตัว ดาวเตะวัย 23 ปี ไปใช้งาน

            ขณะที่ เบน วู้ดเบิร์น มิดฟิลด์ดาวรุ่งชาวเวลส์ ก็เตรียมที่จะถูกปล่อยออกไปแบบยืมตัวอีกรอบ ซึ่งก็เชื่อกันว่า ตอนนี้เจ้าตัวกำลังเป็นที่ต้องการของสองสโมสรในระดับ ลีก วัน อย่าง ชาร์ลตัน แอธเลติก และ ฮัลล์ ซิตี้ นอกจากนี้ คล็อปป์ ก็หวังที่จะส่ง นาธาเนียล ฟิลลิปส์, เลียม มิลลาร์ และ เฮอร์บี้ เคน ให้สโมสรอื่นยืมตัวไปใช้งานอีกครั้งเช่นกัน

            ทั้งนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อนมีกระแสข่าวว่า ลิเวอร์พูล อาจจะมีการเสริมทัพก่อนตลาดปิดวันศุกร์นี้ โดยเล็งเป้าไปที่ เดวิด บรู๊คส์ มิดฟิลด์ฝีเท้าดีของ บอร์นมัธ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

งูใหญ่ระส่ำ! อินเตอร์ยันอเล็กซิสเจ็บกล้ามเนื้อจากเกมเจ๊ากลัดบัค

อินเตอร์ มิลาน ได้รับข่าวร้ายเพิ่มเติมเมื่อ อเล็กซิส ซานเชซ มีอาการบาดเจ็บจากเกมที่ "งูใหญ่" เปิดรังเสมอ โบรุสเซีย มึนเช่น กลัดบัค 2-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี แต่ไม่ได้มีการระบุว่าต้องพักนานเท่าไหร่

อินเตอร์ มิลาน ประกาศยืนยันว่า อเล็กซิส ซานเชซ กองหน้าทีมชาติชิลี มีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาระหว่างเกมที่ "งูใหญ่" เปิดรังเสมอ โบรุสเซีย มึนเช่น กลัดบัค 2-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี เมื่อคืนวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา

เกมดังกล่าวดาวเตะวัย 31 ปี ถูกส่งลงเล่นเป็นตัวจริง แต่มีอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว และโดนเปลี่ยนตัวออกไปในช่วงพักครึ่งแล้วเป็น เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ที่ถูกส่งลงเล่นแทน

กระทั่งล่าสุดมีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากสโมสรแล้วว่า อเล็กซิส มีอาการเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อ โดยระบุว่า "อเล็กซิส ต้องถูกเปลี่ยนตัวในช่วงพักครึ่งคืนนี้เนื่องจากเขามีปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านขวา"

ทั้งนี้ อินเตอร์ กำลังประสบปัญหาขาดแคลนนักเตะตัวหลักหลายรายที่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้ง อัชราฟ ฮาคิมี่, รัดย่า นาอิงโกลัน, อเลสซานโดร บาสโตนี่, มิลาน สคริเนียร์, แอชลี่ย์ ยัง, โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่ และ โลนุต ราดู

สำหรับ อเล็กซิส เพิ่งจะย้ายจาก แมนฯ ยูไนเต็ด มาอยู่กับ "งูใหญ่" ด้วยสัญญาถาวรเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังจากทำผลงานได้น่าประทับใจระหว่างยืมตัวในซีซั่น 2019/20 และทำผลงานได้ดีพอตัวด้วยการทำไป 4 ประตู กับ 8 แอสซิสต์ จากการลงเล่นในลีก 22 นัด

“เวนเกอร์” เผยเหตุยื่นข้อเสนอแสบซื้อซัวเรซจากลิเวอร์พูล

อาร์แซน เวนเกอร์ ตำนานผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล เปิดใจถึงเหตุผลที่เลือกยื่นข้อเสนอสุดกวนประสาทให้กับ ลิเวอร์พูล เพื่อซื้อ หลุยส์ ซัวเรซ มาร่วมทีม แต่สุดท้ายโดน "หงส์แดง" ปฏิเสธแบบไม่ใยดี แต่ก็กลายเป็นเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าวจนทุกวันนี้
              อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือมากประสบการณ์ อธิบายเหตุผลเกี่ยวกับการที่ อาร์เซน่อล ยื่นข้อเสนอจำนวน 40,000,001 ปอนด์ (ราว 1,520,000,038 บาท) ให้กับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เพื่อเซ็นสัญญากับ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าชาวอุรุกวัย เมื่อปี 2013

              ตำนานนายใหญ่" เดอะ กันเนอร์ส" อยากได้ ซัวเรซ มาร่วมทีมอย่างมากในช่วงซัมเมอร์ปี 2013 โดยในเวลานี้ "เดอะ เร้ดส์" ที่มี เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ทำหน้าที่กุมบังเหียนเป็นฤดูกาลแรก พลาดโอกาสในการได้ตั๋วไปเลยศึกฟุตบอลถ้วยยุโรป

              ในเวลานั้น ซัวเรซ แสดงความต้องการที่จะย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์ และ อาร์เซน่อล หวังที่จะใช้โอกาสที่พวกเขาได้ลงแข่งศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยั่วใจให้นักเตะทิ้ง "หงส์แดง" เพื่อมาเล่นในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม โดยพวกเขาได้ยื่นข้อเสนอที่สุดโด่งดังจำนวน 40 ล้านปอนด์+1 ปอนด์ ให้กับ ลิเวอร์พูล แต่สุดท้ายโดนปฏิเสธอย่างไม่ใยดี 

              เวนเกอร์ เปิดใจถึงข้อเสนอสุดอื้อฉาวผ่านหนังสืออัตชีวประวัติ "Arsene Wenger: My Life in Red and White"  ว่า "ใน ฤดูกาล 2013/2014 เราจับตามอง หลุยส์ ซัวเรซ มาตลอด เราได้ตกลงกับนักเตะและเอเจนต์ของเขาแล้ว แต่เอเจนต์อ้างว่ามีเงื่อนไขค่าฉีกสัญญาที่ระบุว่า ต้องได้รับข้อเสนอมากกว่า 40 ล้านปอนด์ ลิเวอร์พูล จึงจะปล่อยนักเตะออกไป"

             "แต่ต้องขอบคุณความไม่รอบคอบของ ลิเวอร์พูล ผมได้พบว่าเงื่อนไขค่าฉีกสัญญาของเขาไม่มีอยู่จริง เพื่อเช็คว่ามันเป็นความจริงไหม เราก็เลยยื่นข้อเสนอจำนวน 40,000,001 ปอนด์ นี่อาจจะดูเหมือนไร้สาระ ผมยอมรับเรื่องนี้ แต่ ลิเวอร์พูล ไม่อยากขาย ซัวเรซ พวกเขาพยายามเก็บเขาเอาไว้ และจากนั้นก็ได้รับข้อเสนอที่ต้องการจาก บาร์ซ่า" เวนเกอร์ ระบุ

              ทั้งนี้ ซัวเรซ ตัดสินใจอยู่กับ ลิเวอร์พูล ต่อไปโดยเขาตะบันไปถึง 31 ประตูจากการลงสนาม 33 เกมในฤดูกาล 2013/2014 แต่น่าเสียดายที่ "หงส์แดง" พลาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในโค้งสุดท้าย เพราะโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปาดหน้าไปอย่างเจ็บปวด

ใครดี? 4แข้งเหมาะย้ายมาเป็นตัวแทนฟานไดค์ตลาดหน้าหนาว

สืบเนื่องจากการที่ ลิเวอร์พูล กำลงประสบปัญหาในแนวรับ หลังจากต้องเสีย เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังตัวเก่งที่มีอาการบาดเจ็บหนักจากเกม เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์ กับ เอฟเวอร์ตัน
    ฟาน ไดค์ วัย 29 ปี ได้รับบาดเจ็บดังกล่าวจากชอตที่โดน จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตู เอฟเวอร์ตัน พุ่งเข้าชนในนัดล่าสุดที่ "หงส์แดง" ออกไปเสมอกับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" 2-2 ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยเขาจำเป็นต้องรับการผ่าตัด และเชื่อกันว่าในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดนั้นแข้งวัย 29 ปีก็อาจจะต้องพักทั้งฤดูกาลนี้เลย

    ส่งผลให้เวลานี้ ลิเวอร์พูล จะเหลือเพียง โจ โกเมซ และ โฌแอล มาติป ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ที่เชื่อใจได้เท่านั้น แต่ก็สามารถจับ ฟาบินโญ่ ถอยไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์จำเป็น ซึ่งเขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำผลงานได้ดี

    อย่างไรก็ตามช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะเดือนมกราคมนี้ก็เป็นโอกาสที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะได้เสริมผู้เล่นเข้ามาใหม่ นี่คือ 4 นักเตะที่เหมาะย้ายมาเป็นตัวแทน ฟาน ไดค์

ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ – ไลป์ซิก

    ปรากาหลังทีมชาติฝรั่งเศกลายเป็นหนึ่งในแนวรับที่เนื้อหอมมากที่สุดคนหนึ่งในยุโรปในช่วงตลาดนักเตะเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังจากโชว์ผลงานสุดแจ่มให้ ไลป์ซิก ซึ่ง ลิเวอร์พูล ก็เคยมีข่าวให้ความสนใจมาแล้วด้วย

    อูปาเมกาโน่ เป็นกองหลังที่มีรูปร่างสูงใหญ่ทำให้เขามีสไตล์การเล่นที่แข็งแกร่งดุดัน และเล่นลูกกลางอากาศได้ดี โดยดาวเตะวัย 21 ปี เพิ่งจะจรดน้ำหมึกต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปถึงปี 2023 จนทำให้ค่าตัวของเขาน่าจะสูงพอตัว อย่างไรก็ตามในรายละเอียดสัญญาฉบับล่าสุดนั้นเจ้าตัวจะสามารถย้ายออกไปได้ในราคาเพียง 38 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,537 ล้านบาท) แต่จะสามารถใช้ได้เมื่อถึงตลาดซัมเมอร์ปีหน้าเท่านั้น 

คอเนอร์ เคาดี้ – วูล์ฟแฮมป์ตัน

    เคาดี้ เคยอยู่กับทีมชุดเยาวชนของ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ปี 2005 ก่อนจะถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2011 แต่ได้ลงเล่นเพียงเกมเดียวในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น ก่อนจะย้ายออกไปอยู่กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (ยืมตัว), ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ก่อนจะมาเป็นกำลังสำคัญให้ วูล์ฟแฮมป์ตัน จนถึงปัจจุบัน

    ผลงานของดาวเตะวัย 27 ปี พัฒนาขึ้นตามลำดับช่วยให้แนวรับของทีม "หมาป่า" แข็งแกร่งสุดๆ จนกลายเป็นกัปตันทีมในเวลานี้ พร้อมกับถูก แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่โดยลงเล่นไปแล้ว 3 เกม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย แต่คงเนอีกดีลที่เกิดขึ้นได้ยาก เพราะ วูล์ฟส ก็ไม่ต้องการจะปล่อยตัวออกไปเช่นกัน    

โอซาน คาบัค – ชาลเก้

    ชื่อของ โอซาน คาบัค ปราการหลังดาวรุ่งจาก ชาลเก้ เคยโผล่เข้ามาเป็นเป้าหมายรายใหม่ของ ลิเวอร์พูล ในการดึงมาเสริมแกร่งแนวรับในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังจากพวกเขาเสีย เดยัน ลอฟเรน กองหลังประสบการณ์สูงให้กับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก โดยคาดว่าเขาจะมีค่าตัว 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,630 ล้านบาท)

    ด้วยสไตล์การเล่นที่มีความดุดัน มีทั้งความแข็งแกร่ง รวดเร็ว และเล่นลูกกลางอากาศได้ดี ทำให้เขาถูกสื่อต่างประเทศนำไปเปรียบเทียบกับ เซร์คิโอ รามอส ปราการหลังจาก เรอัล มาดริด นอกจากนี้ คาบัค ยังเป็นนักเตะที่มีความกล้าลุยกล้าแลก ชนไม่ถอยจนถึงกับเคยจมูกหัก หน้าแตกมาแล้วในเกมเพลย์ออฟหนีตกชั้นกับยูเนียน เบอร์ลิน

เบน ไวท์ – ไบรท์ตัน

    ลิเวอร์พูล ตกเป็นข่าวตามให้ความสนใจ ไวท์ วัย 22 ปี มาได้สักระยะแล้ว และล่าสุดมีรายงานด้วยว่าพวกเขาอาจเดินหน้าดึงมาเสริมทัพในตลาดหน้าหนาวนี้ แต่ "หงส์แดง" อาจต้องจ่ายเงินมากกว่า 50 ล้านปอนด์ (ราว 1,900 ล้านบาท)  ไม่งั้นต้นสังกัดของนักเตะไม่ปล่อยตัวแน่นอน

    แม้ว่าดาวเตะวัย 22 ปี จะไม่ได้เป็นกำลังหลักของ ไบรท์ตัน ในซีซั่นนี้แต่เมื่อมีโอกาสลงสนามเจ้าตัวก็ทำผลงานได้ดีระดับหนึ่ง โดยย้อนไปในฤดูกาล 2019-20 เขาเป็นกำลังสำคัญในระหว่างเล่นให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัว ได้แชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ พร้อมกับได้เลื่อนชั้นไปเล่นใน พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้