ซาลาห์ขึ้นแท่นกระทุ้งครบ 100 เร็วสุดลำดับ 3

แม้ทีมจะไม่ชนะ แต่ประตูจากปลายเท้าของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ส่งให้เขาซัดครบ 100 ประตูในนามสโมสร ลิเวอร์พูล เป็นคนที่ 17 อีกทั้งยังเป็นอันดับ 3 ในเรื่องการยิงแตะเลขสามหลักเร็วที่สุดของสโมสร

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำหนึ่งประตูในเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกเสมอ เอฟเวอร์ตัน 2-2 โดยทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนที่ 17 ของสโมสร ที่ยิงประตูในสีเสื้อ ‘หงส์แดง’ ครบ 100 ประตู

นอกจากนี้ ดาวยิงชาวอียิปต์ยังเป็นผู้เล่นลำดับที่ 3 ที่ทำประตูครบ 100 ลูกเร็วที่สุดโดยใช้จำนวน 159 นัด ต่อจาก โรเจอร์ ฮันท์ (144 นัด) และ แจ็ค พาร์กินสัน (153 นัด)

สำหรับจำนวนประตูของ ซาลาห์ แบ่งเป็นยิงในศึก พรีเมียร์ลีก 79 ลูก บนเวทียุโรป 20 ลูก และเกมเอฟเอ คัพ อีก 1 ลูก

นักข่าวสายหงส์เชื่อสามประสานลิเวอร์พูลเล่นด้วยกันปีสุดท้าย

เอียน ดอยล์ นักข่าวของ ลิเวอร์พูล เอ็คโค่ สื่อท้องถิ่นของเมืองลิเวอร์พูล เชื่อว่าจะมีคนใน 3 แนวรุกชุดปัจจุบันของ ลิเวอร์พูล ที่จะต้องบอกลาทีมหลังจบซีซั่นนี้ พร้อมเดาว่า ซาดิโอ มาเน่ น่าจะเป็นคนที่มีโอกาสโดนโละมากที่สุด
  
เอียน ดอยล์ นักข่าวคนดังของ ลิเวอร์พูล เอ็คโค่ สื่อท้องถิ่นชั้นนำประจำเมืองลิเวอร์พูล แสดงความเชื่อว่าฤดูกาล 2020-21 จะเป็นซีซั่นสุดท้ายที่ ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ จะได้เล่นร่วมกันที่ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่ของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

3 แนวรุกตัวจริงของ ลิเวอร์พูล ในตอนนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแนวรุกที่น่ากลัวที่สุดของทวีปยุโรปมาพักหนึ่งแล้ว แต่มันก็ทำให้พวกเขาตกเป็นข่าวเกี่ยวกับการย้ายทีมอย่างต่อเนื่องด้วย โดยทั้งหมดยังมีสัญญากับ "หงส์แดง" จนถึงช่วงซัมเมอร์ ปี 2023

ดอยล์ กล่าวในช่วงถาม-ตอบกับคนอ่านว่า "ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ขายนักเตะได้ดี และนั่นก็ทำให้ช่วงซัมเมอร์ของปีหน้ามันน่าสนใจมากๆ เพราะผมก็ยังเชื่อว่านี่จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายที่ ซาลาห์, มาเน่ และ ฟีร์มิโน่ จะได้เล่นร่วมกัน ใครใน 3 คนนั้นที่จะย้ายออกไปน่ะเหรอ ? ผมเองก็ไม่รู้หรอก อย่าลืมนะว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของผมเท่านั้น แต่ที่จริงแค่การที่แนวรุกคู่หนึ่งจะได้เล่นร่วมกัน 4 หรือ 5 ปีมันก็ถือว่าหาได้ยากแล้ว ยิ่งเป็นแนวรุกที่มี 3 คนนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย"

"ถ้าจะให้ผมเดาโดยที่วางเงินเดิมพันสัก 1 เพนนีแล้วล่ะก็ผมก็คงจะเดาว่าเป็น มาเน่ เพราะ ลิเวอร์พูล จะได้เงินก้อนโตจากการขายเขา แต่ตอนนี้มันก็ไม่มีนักเตะตัวจริงคนไหนที่อยากย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล น่ะนะ คือถ้าคุณเป็นคนในกลุ่มนั้นนี่คุณจะอยากย้ายออกจากทีมในตอนนี้ไปทำไมกัน จริงไหมล่ะ ? (สื่อว่า ลิเวอร์พูล กำลังมีลุ้นความสำเร็จจนไม่น่าจะมีใครอยากย้ายออกจากทีมหากเป็นตัวจริงกับทีมอยู่แล้ว)"

อาเดรียนเพี้ยนหนัก! ตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลนัดบุกโดนวิลล่ากระซวกเละ

เป็นอีกหนึ่งเกมที่ผลการแข่งขันออกมาผิดความคาดหมายเหลือเกินเมื่อแชมป์เก่าอย่าง "หงส์แดง" บุกไปโดน แอสตัน วิลล่า จัดหนักถึง 7-2 แนวรับของทีมผลัดกันก่อความผิดพลาดไม่ว่าจะเป็นผู้รักษาประตู, แบ็ก หรือเซนเตอร์แบ็ก แต่ยังพอมีแนวรุกหนึ่งคนที่สามารถพึ่งพาการจบสกอร์ของเขาได้ และนี่คือผลสอบของแข้งลิเวอร์พุลในเกมพ่ายยับต่อ "สิงห์ผงาด"

อาเดรียน 2

เริ่มต้นเกมด้วยการจ่ายบอลพลาดจนเสียประตูแรก หลังจากนั้นก็ดูเสียความมั่นใจไปมากก่อนโดนรัวอีกหลายเม็ดซึ่งบางประตูคงโทษเขาไม่ได้แต่ตลอดเกมมีทั้งออกมาตัดบอลพลาดและยังดูลุกลี้ลุกลนตลอดเวลาด้วย

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ 4

จ่ายบอลเสียบ่อยครั้ง โดน แจ็ค กรีลิช เผาเครื่องตลอดทั้งเกม ปล่อยพื้นที่ให้นักเตะวิลล่าเล่นง่าย ประตูที่สองโดนจ่ายตัดหลังแบบง่ายดาย

โจ โกเมซ 3

เป็นฟอร์มที่ย่ำแย่ของเจ้าตัวอีกครั้ง วัตกินส์ ทำให้เขาเจอกับฝันร้าย ประตูที่สองรับผิดไปเต็มหลังเจอล็อกหลบเข้าไปยิงประตู ยืนตำแหน่งผิดพลาดไปหมด

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ 4

อาจไม่ได้ก่อความผิดพลาดโดยตรงแต่ก็มีส่วนพลาดในการจัดระเบียบเกมรับที่เกมนี้ค่อนข้างเละเทะทีเดียว โชคร้ายที่บอลแฉลบเขาจนเสียประตูที่สาม จ่ายบอลพลาดอยู่หลายครั้ง

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน 5.5

เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ฟอร์มค่อนไปทางดี ทุกประตูที่เสียไม่ได้เป็นความผิดของเขา เติมเกมรุกสร้างอันตรายได้ตลอด เกือบยิงประตูได้แต่ติดเซฟของ มาร์ติเนซ

นาบี เกอิต้า 5

ขยับเข้าพื้นที่อันตรายบ่อยครั้งแต่มักจะตัดสินใจผิดพลาด มีส่วนกับประตูที่ ซาลาห์ ยิงได้ โดยรวมไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก แต่กองกลางลิเวอร์พูลต้องการมากกว่านั้น

ฟาบินโญ่ 4

เป็นส่วนหนึ่งในกองกลางที่หยุดเกมสวนกลับไม่อยู่ ไม่ได้ช่วยให้ทีมครองบอลบุกมากนัก ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายโดนจับไปเล่นเซนเตอร์แบ็ก

จอร์จินโย่ ไวนัลดุม 4

ไม่ได้สร้างอิมแพ็คในแดนกลางเลย มีจ่ายบอลสวยแค่ครั้งเดียวในครึ่งแรกที่เหลือตลอดเกมก็แทบหายตัว โผล่มาอีกทีคือตอนตัดบอลแดนกลางจนเป็นที่มาของประตูที่ซาลาห์ยิง

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 7

ในเกมที่ไม่มี มาเน่ ดาวยิงชาวอียิปต์กลับมาฉายแสงอีกครั้งหลังจบสกอร์อย่างยอดเยี่ยมทั้งสองประตู รับแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของทีม

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ 4

มีโอกาสง้างยิงประตูช่วงต้นเกมแต่ติดเซฟของ มาร์ติเนซ ทำให้อดได้ประตูตีเสมอ ทว่าบทบาทน้อยมากแถมยังจับบอลและจ่ายบอลขาดๆเกินๆตลอด

ดิโอโก้ โชต้า 5.5

เป็นแนวรุกที่โดดเด่นที่สุดในครึ่งแรก เจาะเกมรับคู่แข่งได้ดี และมีส่วนร่วมกับประตูที่ยิงได้ เกือบชิพเข้าประตูสุดสวยด้วย ทว่าครึ่งหลังฟอร์มดร็อปลงไป

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม

ทาคูมิ มินามิโนะ 4 (ลงมาแทน นาบี เกอิต้า น.46)

ลงมาแล้วไม่ได้มีผลกับเกมมากนัก

เคอร์ติส โจนส์ 4 (ลงมาแทน โจ โกเมซ น.61)

เกมแดนกลางดีขึ้นเล็กน้อยแต่ยังไม่ได้สร้างความแตกต่างมาก

เจมส์ มิลเนอร์ 4 (ลงมาแทน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น.68)

ลงมาตอนที่สกอร์ขาดลอยแล้ว

 

ลัลลาน่าเปิดบทสนทนากับคล็อปป์ก่อนลาลิเวอร์พูล

ขอบคุณบอส! อดัม ลัลลาน่า เปิดบทสนทนากับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตอนก่อนอำลา ลิเวอร์พูล มาเล่นให้ ไบรท์ตัน เผยเจ้านายเป็นคนตรงไปตรงมา และอยากให้ตัวเองได้ลงเล่นเป็นประจำ

อดัม ลัลลาน่า กองกลาง ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน เปิดเผยว่า ตัวเองได้พูดคุยกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ถึงเรื่องการอำลาถิ่น แอนฟิลด์ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีที่แล้ว ก่อนที่จะได้ย้ายมาอยู่กับ "เจ้านกนางนวล" ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ลัลลาน่า วัย 32 ปี ที่เล่นให้ "หงส์แดง" มา 6 ปี เผยผ่าน บีบีซี เรดิโอ ไฟฟ์ ไลฟ์ ว่า "ผมจะบอกข้อมูลเชิงลึกให้คุณฟังบ้างว่า ผมได้คุยกับ เจอร์เก้น เมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว เรานั่งคุยกันอย่างเปิดอก พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดี และผมก็แค่พูดว่า "ผมจะเป็นอย่างไรในปีหน้า? "

"ผมรู้ว่า ตัวเองกำลังจะหมดสัญญา และรู้ว่า ไม่ได้ลงสนามเป็นประจำ แม้ผมยังมีส่วนสำคัญในทีม แต่ผมต้องการความตรงไปตรงมา ขณะที่เขาก็บอกผมตรงๆ ว่า "ให้เอเยนต์ของนายเริ่มมองหาทีมใหม่ได้เลยนะ" นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีม หรือเขาจะไม่ใช้งานผม"

"จากนั้นอีก 4 วันต่อมาเขาก็ดึงผมติดทีมไปเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และผมก็ทำประตูตีเสมอ ผมคิดว่า มันแสดงให้เห็นว่า เจอร์เก้น เป็นคนอย่างไร เขาเป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา เขาบอกผมว่า ผมสมควรได้ลงเล่นมากกว่านี้ และสมควรมีเวลาในสนามมากขึ้น"

"เขาไม่สามารถให้สิ่งนั้นกับผมได้ จากนั้นผมก็ได้รับคำอวยพรจากเขาและสโมสรในการให้เอเยนต์ของผมไปพูดคุยเพื่อหาทีมใหม่สำหรับฤดูกาลหน้าซึ่งมันก็คือซีซั่นนี้นี่เอง" ลัลลาน่า ทิ้งท้าย

เกปาพาลงเหว! ตัดเกรดแข้งเชลซีเกมพ่ายลิเวอร์พูลคาบ้าน

เกมแรกของ เชลซี ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในฤดูกาลนี้จบลงด้วยความพ่ายแพ้หลัง "หงส์แดง" บุกมาสอยคารังสองประตู เป็นเกมที่ "สิงห์บลูส์" ตั้งรับเป็นส่วนใหญ่และกำลังไปได้สวยแต่ดันมาเหลือ 10 คนทำให้กลายเป็นงานยากขึ้นมาทันที มีหนึ่งแข้งที่ได้คะแนนแค่ 4 แต้มเท่านั้นหลังก่อความผิดพลาดจนเสียประตู มาเช็กผลสอบของนักเตะเชลซีกันที่นี่เลย

เชลซี

เกปา อาร์รีซาบาลาก้า 4

ตัดสินใจหลายอย่างผิดพลาดไปหมด ครึ่งแรกมีจังหวะที่จะออกมาตัดบอลแต่โดน ซาลาห์ ตัดหน้ายังดีที่ไม่เสียประตู แต่ครึ่งหลังต้องรับเต็มๆกับการจ่ายบอลพลาดจน มาเน่ ฉกไปยิงประตู แต่ยังพอทีเซฟสวยๆอยู่บ้างในเกมนี้

รีซ เจมส์ 5.5

ไม่ได้เติมเกมรุกเท่าไหร่นักเพราะต้องปะทะกับ มาเน่ ตลอด พอเหลือ 10 คนในครึ่งหลังยิ่งต้องเล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่ สุดท้ายตามประกบ มาเน่ พลาดจนโดนลงโทษเสียประตูแรก

อันเดรียส คริสเตนเซ่น 5 (ใบแดง)

มีบล็อกสำคัญคือลูกเปิดของ ซาล่าห์ ในจังหวะที่ เกปา ออกไปตัดบอลพลาด ความจริงเขาคุมเกมรับได้ดีทีเดียวจนกระทั่งมารวบ มาเน่ จนโดนใบแดง

เคิร์ต ซูม่า 6

พยายามสุดความสามารถในการป้องกันเกมบุกหงส์แดง ซ้อน อลอนโซ่ ได้ดีหลายครั้งรวมถึงเคลียร์ลูกเซ็ตพีซและลูกครอส แต่จ่ายบอลพลาดบ่อยจากการโดนผู้เล่นหงส์เพราสซิ่งในขณะที่ เชลซี พยายามสร้างเกมรุกมาจากแดนหลัง

มาร์กอส อลอนโซ่ 5.5

เป็นฝั่งที่ต้องเจองานยากอยู่แล้วกับการสู้กับ ซาลาห์ และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งก็ทำได้โอเคระดับหนึ่ง กระทั่งมาเจอลูกชิ่งหนึ่งสองของ ซาลาห์,ฟีร์มีโน่ จนเสียประตู

จอร์จินโญ่ 5

ไม่สามารถช่วยให้ทีมครองบอลแดนกลางได้ ยิ่งตอนเหลือ 10 คนและลิเวอร์พูล นำ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ลงสนามมาทำให้สู้แทบไม่ได้ พลาดจุดโทษกับเชลซีเป็นครั้งแรก

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ 6.5

ครึ่งแรกโดดเด่นมากทั้งการไล่เพรสซิ่งมิดฟิลด์คู่แข่ง การแย่งบอล รวมถึงการพาบอลขึ้นแดนหน้า มีโอกาสทองที่จะง้างยิงในเขตโทษแต่เลือกมองหาตัวจ่าย

มาเตโอ โควาซิช 6

เป็นคนที่ไว้ใจได้ในการเก็บบอลกับตัว จ่ายบอลสวยๆให้ แวร์เนอร์ แต่ไม่ได้จบสกอร์ ทว่าด้วยการที่เชลซีปล่อยให้ หงส์แดง ครองบอลเลยทำให้มิดฟิลด์เชลซีไม่ได้ช่วยเกมรุกมากนัก

ไค ฮาแวร์ตซ์ 5

มีจังหวะจับบอลสวยๆอยู่บ้าง แต่มีส่วนร่วมกับเกมรุกน้อยมาก เป็นนักเตะเชลซีที่สัมผัสบอลน้อยที่สุดในครึ่งแรก ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกช่วงพักครึ่ง

ติโม แวร์เนอร์ 7

พยายามเลี้ยงผ่าน ฟาบินโญ่ อยู่หลายครั้งแต่ล้มเหลว มีจังหวะง้างยิงน้อยเพราะขาดการสนับสนุน แต่เป้นเรียกจุดโทษให้กับทีมในครึ่งหลัง

เมสัน เมาท์ 6

ชยันวิ่งช่วยเกมรับอยู่ตลอดโดยเฉพาะการตาม โรเบิร์ตสัน แต่เชื่อมเกมรุกกับเพื่อนร่วมทีมได้น้อยมาก

ตัวสำรองที่ลงสนาม

ฟิคาโย่ โทโมรี่ 6 (ลงมาแทน ไค ฮาแวร์ตซ์ น.46)

พยายามสุดความสามารถในป้องกันเกมรับ มีบล็อกสำคัญอยู่บ้าง

รอสส์ บาร์คลี่ย์ – (ลงมาแทน มาเตโอ โควาซิช น.79)

ลงมาท้ายเกมแล้ว

แทมมี่ อับราฮัม – (ลงมาแทน จอร์จินโญ่ น.79)

ลงมาท้ายเกมแล้ว

 

มินามิโนะ,โจนส์โชว์ออฟ!ตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลหลังบุกกระซวกลินคอล์น

 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไม่มีปัญหาในการตบเท้าเข้าสู่รอบสี่ศึก คาราบาว คัพ หลังบุกไปยำ ลินคอล์น ซิตี้ สโมสรจาก ลีก วัน ถึงบ้าน 7-2 ในเกมรอบสาม เมื่อคืนที่ผ่านมา แม้เกมนี้กุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ใช้บริการแข้งตัวสำรอง+ดาวรุ่งเป็นหลัก แต่ก็มีดีพอที่จะเก็บชัยชนะได้อย่างสบายๆ โดยเฉพาะ ทาคุมิ มินามิโนะ กับ เคอร์ติส โจนส์ ที่เล่นได้แจ่มมากๆ และนี่คือผลสอบของนักเตะ ลิเวอร์พูล แต่ละคนที่ลงเล่นแมตช์นี้  
 – อาเดรียน : 6.5
  แทบไม่ต้องทำอะไรมากช่วงครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังเด่นทีเดียว เพราะมีโชว์เซฟสวยๆ หลายครั้ง ทว่ามาเสียท่าที่ออกมาไม่ดีในจังหวะเสียลูกที่สอง

 – เนโก วิลเลี่ยมส์ : 6.5
   เข้าถึงบอลก่อนคู่แข่งได้แทบตลอด แต่ก็มีปัญหาบางอย่างที่จะต้องปรับปรุงเรื่องเกมรับ ซึ่งก็ต้องพัฒนากันต่อไป

 – รีส วิลเลี่ยมส์ : 7
  เล่นดูมีชั้นเชิงเลยทีเดียว มีความมั่นใจ และมีส่วนร่วมกับประตู 3-0 ที่วางบอลยาวสุดแม่นให้ โอริกี้ โหม่งชงให้ โจนส์ จบสกอร์ 

 – เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ : 7
  เจองานไม่หนักมาก ช่วยคุมแนวรับได้อย่างสบายๆ ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกหลังจบครึ่งแรก


 

 – คอสตาส ซิมิคาส : 7
  นี่คือเกมอย่างเป็นทางการนัดแรกในสีเสื้อ "หงส์แดง" ของแบ็กซ้ายชาวกรีซ อาจไม่โดดเด่น แต่ทำได้ดีในการช่วยเติมเกมรุก แถมขยันดีเยี่ยม
 
 – มาร์โค กรูยิช : 7
  โดยรวมคุมแดนกลางได้โอเค แถมมีชื่อเป็นคนทำประตูด้วยในลูก 6-1

 – เคอร์ติส โจนส์ : 8
  ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ มีชั้นเชิงในการเล่น และทำสองประตูได้อย่างสุดสวย ดูแล้วสามารถเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมได้แบบยาวๆ

 – ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ : 7
  ไม่ได้โดดเด่นมาก แต่ก็มีส่วนช่วยให้ทีมได้สองประตู แถมมีการเล่นที่ฉลาดในหลายจังหวะ ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกช่วงกลางครึ่งหลัง

 – เซอร์ดาน ชากิรี่ : 7.5
  ยิงฟรีคิกสุดสวยให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 9 และโดยรวมถือว่าเล่นได้โดดเด่นทีเดียวกับบทบาทมิดฟิลด์ตัวกลาง

 – ทาคุมิ มินามิโนะ : 8.5
  โดดเด่นอย่างแรงสำหรับดาวเตะชาวญี่ปุ่น เพราะนอกจากยิงสองตุงแล้ว ยังทุ่มเทสุดๆ ขยันวิ่งไล่บอล และปิดท้ายด้วยการแอสซิสต์ให้ โอริกี้ ยิงประตู 7-2

 – ดิว็อค โอริกี้ : 7
  แม้เป็นคนโหม่งแอสซิสต์ให้ โจนส์ ทำประตู 3-0 แต่โดยรวมมีเกมที่ค่อนข้างเงียบ จนกระทั่งเป็นคนจบสกอร์ 7-2 ในนาทีสุดท้าย

สำรองที่ได้ลงเล่น

 – ฟาบินโญ่ (แทน ฟาน ไดค์ น. 46) : 6
  ช่วยประคองเกมรับแทน ฟาน ไดค์ ช่วงครึ่งหลัง แทบเกือบทำประตูได้จากลูกฟรีคิก

 – ดิโอโก้ โชต้า (แทน เอลเลียตต์ น. 57) : 6
  ทำอะไรไม่ได้มาก แต่เกือบมีสกอร์เหมือนกัน

 – นาบี เกอิต้า (แทน ชากิรี่ น. 75) : –
  ไม่สามารถให้คะแนนได้

“โชต้า”ลงโชว์! คาดการณ์11ตัวจริงลิเวอร์พูลฉะลินคอล์น

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล มีคิวลงทำศึก คาราบาว คัพ รอบสาม คืนวันนี้ โดยจะยกพลบุกไปเยือน ลินคอล์น ซิตี้ สโมสรระดับ ลีก วัน ที่สังเวียนแข้ง ซินซิล แบงค์ ซึ่งแน่นอนว่า เกมนี้กุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเน้นส่งบรรดานักเตะสำรอง+ดาวรุ่งเป็นหลัก แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ กลุ่มแข้งใหม่อย่าง ดิโอโก้ โชต้า, คอสตาส ซิมิคาส และ ติอาโก้ อัลกันตาร่า น่าจะได้ลงโชว์ฝีเท้าด้วย และนี่คือการคาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง "หงส์แดง" สำหรับแมตช์นี้ จากทางเว็บไซต์ thisisanfield.com (ระบบ 4-3-3)
– ผู้รักษาประตู : อาเดรียน

        เกมบอลถ้วยแบบนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่นายประตูมือสองชาวสแปนิชวัย 33 ปี จะได้ลงโชว์ฝีมือ เพื่อเป็นการเปิดทางให้ อลีสซง เบ็คเกอร์ ได้พักแข้ง

– แนวรับ : เนโก วิลเลี่ยมส์, นาธาเนียล ฟิลลิปส์, เซ็ปป์ ฟาน เดน เบิร์ก, คอสตาส ซิมิคาส

        เรียกได้ว่าสำรองแบบยกชุด โดย วิลเลี่ยมส์ จะประจำการเป็นแบ็กขวา ส่วนแข้งใหม่อย่าง ซิมิคาส จะเล่นเป็นแบ็กซ้าย โดยที่มี ฟิลลิปส์ กับ ฟาน เดน เบิร์ก เป็นคู่เซนเตอร์แบ็ก

– แดนกลาง : มาร์โก กรูยิช (ติอาโก้ อัลกันตาร่า), เจมส์ มิลเนอร์, เคอร์ติส โจนส์

        สำหรับแผงมิดฟิลด์มีโอกาสสูงมากที่ โจนส์ กับ มิลเนอร์ สองแข้งต่างวัย จะได้สตาร์ทเป็นตัวจริง ขณะที่กลางรับ คล็อปป์ อาจจะเลือกใช้บริการแข้ง กรูยิช แต่ก็มีโอกาสเช่นกันที่ ติอาโก้ จะได้ลงเล่นตั้งแต่นาทีแรก หลังจากที่เจ้าตัวได้ลงโชว์เพลงแข้งช่วง 45 นาทีหลังในเกมบุกสอย เชลซี 2-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

– แนวรุก : เซอร์ดาน ชากิรี่, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ (ดิโอโก้ โชต้า), ทาคุมิ มินามิโนะ

        เกมนี้ มินามิโนะ คงจะได้สตาร์ทเป็นตัวจริงค่อนข้างแน่ และอาจจะถูกใช้งานเป็นกองหน้าตัวเป้าด้วย ขณะที่สองตัวริมเส้นนั้น ชากิรี่ มีแววที่จะได้รับโอกาสโชว์ฝีเท้าบ้าง เช่นเดียวกับเจ้าหนูวัย 17 ปี อย่าง เอลเลียตต์ แต่ต้องไม่ลืมว่า เกมนี้ คล็อปป์ อาจจะให้แข้งใหม่อย่าง โชต้า ได้ลงสัมผัสเกมตั้งแต่ออกสตาร์ท เพื่อจูนความเข้าใจกับเพื่อนๆ ด้วย

โชต้า-กรูยิชแจ่ม,ซาลาห์ดับ!ตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลพ่ายจุดโทษอาร์เซน่อลร่วงคาราบาวคัพ

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จอดป้ายในศึก คาราบาว คัพ แค่รอบสี่ เท่านั้น หลังแพ้ดวลจุดโทษ อาร์เซน่อล 4-5 (เสมอกัน 0-0 ใน 90 นาที) คารัง แอนฟิลด์ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งเกมนี้ทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ครองเกมได้เหนือกว่า และมีโอกาสทำประตูมากกว่า แต่ไร้ความเฉียบขาด ซึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้กับนายทวารทีมคู่แข่งด้วย กระนั้นก็มีผู้เล่นหลายคนที่ทำผลงานได้น่าประทับใจ แต่ก็มีบางคนที่น่าผิดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และนี่คือผลสอบของนักเตะ ลิเวอร์พูล แต่ละคนในแมตช์นี้

11 ผู้เล่นตัวจริง

 – อาเดรียน : 7
  ทำได้ดีมากกับการป้องกันจังหวะที่ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ กำลังจะได้ยิงโล่งๆ ช่วงต้นเกม จากนั้นช่วงครึ่งหลังก็โชว์เซฟลูกโขกของ ร็อบ โฮลดิ้ง ก่อนที่จะเซฟได้หนึ่งหนในช่วงดวลจุดโทษ

 – เนโก วิลเลี่ยมส์ : 7
  หลังโดนวิจารณ์หนักในเกมกับ ลินคอล์น มาเกมนี้ยกระดับฟอร์มขึ้นมาได้ดี มีจังหวะสกัดสวยๆ ให้เห็น

 – รีส วิลเลี่ยมส์ : 7.5
  อาจจะมีหลุดๆ ไปบ้าง แต่โดยรวมดูมีความเยือกเย็นในการเล่น แถมจัดการกับลูกโด่งได้ดีเยี่ยม ด้วยสถิติชนะดวลลูกกลางอากาศ 5 หน ซึ่งมากกว่าทุกคนในสนาม 

 – เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ : 7
  อาจคุมแนวรับหลวมๆ ไปหน่อยในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นก็ทำหน้าที่ได้ดี แถมเกือบทำประตูได้ด้วยในช่วงต้นครึ่งหลัง ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกไปพัก

 – เจมส์ มิลเนอร์ (C) : 7.5
  ทำผลงานได้น่าประทับใจเลยทีเดียว กับการยืนเป็นแบ็กซ้ายเกมนี้ โดยเฉพาะเกมรับที่เล่นได้แข็งแกร่ง ไม่แปลกใจที่มีสถิติแท็กเกิ้ลชนะถึง 5 ครั้ง

 – มาร์โค กรูยิช : 8
  ทรงบอลดูดีเลย โดดเด่นมากในแดนกลาง มีอิทธิพลต่อเกมสูงทั้งรับและรุก แท็กเกิ้ลชนะถึง 5 หน (สูงสุดในทีมร่วมกับ มิลเนอร์ และ เนโก วิลเลี่ยมส์) แถมมีโอกาสลุ้นทำประตูได้เสียวหลายครั้ง

 – เคอร์ติส โจนส์ : 6.5
  ทำได้ไม่ดีเหมือนเกมในรอบก่อนที่เจอกับ ลินคอล์น แม้ยกระดับฟอร์มขึ้นมาได้ในช่วงครึ่งหลัง

 – แฮร์รี่ วิลสัน : 5
  ทำผลงานได้น่าผิดหวัง ไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน แถมยิงจุดโทษพลาดลูกสำคัญในการดวลเป้า ดูแล้วไม่น่าจะมีอนาคตในถิ่น แอนฟิลด์ หลงเหลือ 

 – โมฮาเหม็ด ซาลาห์ : 5.5
  อาจจะสร้างอันตรายได้บ้างในช่วงครึ่งแรก แต่โดยรวมถือเป็นเกมที่ ซาลาห์ ค่อนข้างเงียบ แทบไม่มีส่วนร่วมกับเกม และไม่มีโอกาสได้ลุ้นทำประตูแม้แต่หนเดียว

– ดิโอโก้ โชต้า : 7.5
  เล่นได้อันตรายเลยทีเดียวทางฝั่งซ้าย หาโอกาสลุ้นทำประตูได้ดี แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้ ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกช่วงท้ายครึ่งหลัง

 – ทาคุมิ มินามิโนะ : 7
  โดยรวมถือว่าน่าพอใจ มีความขยันทุ่มเท และเกือบทำประตูได้ด้วยในช่วงท้ายครึ่งแรก (ยิงชนคานจากจังหวะตามซ้ำลูกโขกของ โชต้า)

 สำรองที่ได้ลงเล่น

 – ดิว็อค โอริกี้ (แทน ซาลาห์ น. 61) : 5
  นอกจากสร้างความแตกต่างในเกมไม่ได้แล้ว ยังซัดจุดโทษไม่เข้าด้วย

 – โจ โกเมซ (แทน ฟาน ไดค์ น. 61) : 7
  ลงไปทำหน้าที่แทน ฟาน ไดค์ ได้ดีเลยทีเดียว

 – จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม (แทน โชต้า น. 76) : 6
  อาจจะช่วยอะไรไม่ได้มากในเกม แต่ทำได้ดีในช่วงดวลจุดโทษ

ปืนแม่นซัดหงส์ร่วงกลางอากาศ ! ผ่า 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล พ่ายจุดโทษ อาร์เซน่อล

ลิเวอร์พูล โดน อาร์เซน่อล บุกมาถอนแค้นได้สำเร็จ โดยทัพ "เดอะ กันเนอร์ส" เอาชนะจุดโทษ "หงส์แดง" 5-4 หลังเสมอกันในเวลา 90 นาที 0-0 ที่สนามแอนฟิลด์ ในศึกคาราบาว คัพ รอบ 4 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

เกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดผู้เล่นชุดผสมผสานระหว่างนักเตะมากประสบการณ์, ดาวรุ่ง และแข้งสำรอง โดยแมตช์นี้เจ้าบ้าน และทีมเยือน สร้างโอกาสในการยิงประตูไม่ค่อยมากนัก แต่เกมก็ไม่ได้ดูน่าเบื่อจนเกินไป ที่สำคัญนักเตะดาวรุ่งหลายคนของทั้งสองทีม โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นและมีอนาคตสดใสรออยู่

ขณะที่ ดีโอโก้ โชต้า ดูเหมือนว่าจะปรับตัวเข้ากรับระบบการเล่นของ "เดอะ เร้ดส์" ได้เป็นอย่างดี ขณะที่ ทาคูมิ มินามิโนะ ก็พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของ เนโก วิลเลี่ยมส์ และ รีส วิลเลี่ยมส์ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วน แบร์นด์ เลโน่ นายด่านอาร์เซน่อล ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นและคู่ควรกับคำว่าโกลระดับโลกแล้ว

1. มินามิโนะ ยิ่งเล่นยิ่งพัฒนา

ต้องยอมรับว่าเกมนี้แนวทางการเล่นของ ลิเวอร์พูล ที่เป็นสไตล์เฮฟวี่ เมทัล อย่างที่คอลูกหนังได้เห็นกันเป็นประจำไม่มีให้เห็นเลย แถมจะออกแนวป็อบที่ดูแล้วไม่น่าตื่นเต้นเร้าใจเท่าไหร่ ที่สำคัญโอกาสในการสร้างความหวาดเสียวใส่ อาร์เซน่อล ก็มีน้อยนิดเหลือเกิน

อย่างไรก็ตามหากจะมองหาผู้เล่น "หงส์แดง" ที่ทำผลงานได้น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด และเต็มไปด้วยการเล่นที่มุ่งมั่นนั่นก็คงหนีไม่พ้นฟอร์มของ ทาคุมิ มินามิโนะ โดย ดาวเตะชาวญี่ปุ่น มีส่วนในการเล่นเกมรุกของทีมอย่างมาก และมักจะยืนถูกที่ถูกเวลาเสมอ

มินามิโนะเกือบมีชื่อเป็นผู้ทำประตูอีกครั้ง หลังจากที่ตามซ้ำจังหวะที่ ดีโอโก้ โชต้า โหม่งไปโดน แบร์นด์ เลโน่ ปัดออกมา แต่น่าเสียดายที่ดันแม่นคานไม่งั้นคงทำให้ ลิเวอร์พูล กุมความได้เปรียบทันที และจะช่วยให้ทีมลงมาเล่นครึ่งหลังได้สบายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม   

อย่างไรก็ตามหากมองในแง่บวกเกมนี้ มินามิโนะ สามารถประสานงานกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โชต้า ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะความคล่องตัวและความไวของเขาสร้างความปั่นป่วนให้กับเกมรับ "เดอะ กันเนอร์ส" พอสมควร ฉะนั้น คล็อปป์ คงมองเห็นแล้วว่า ดาวเตะเลือดซามูไร เป็นทีเด็ดทีพร้อมลงสนามช่วยทีมในเกมพรีเมียร์ลีก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แน่นอน
    
2.  เลโน่ ฮีโร่ของปืน

 สำหรับเกมนี้ อาร์เซน่อล ทำผลงานได้ดีพอสมควรซึ่งฟอร์มในแมตช์นี้คงทำให้ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม รู้สึกตื่นเต้นสุดๆ กับนักเตะดาวรุ่งที่ได้รับโอกาสลงสนาม ขณะที่ แบร์นด์ เลโน่ นายทวารชาวเยอรมัน แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาคือโกลระดับโลกของจริง

เกมนี้นายด่านเลือดด๊อยท์ช ยืนตำแหน่งได้ดี มีความนิ่ง และยังรวดเร็วว่องไว โดยเซฟจังหวะสำคัญๆ ในครึ่งแรกช่วงทดเจ็บด้วยการพุ่งปัดลูกโหม่งระยะแค่ 10 หลาของ โชต้า เอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ ก่อนที่ มินามิโนะ จะตามซ้ำบอลชนคานดังสนั่น

ยังไม่หมดแค่นั้นในครึ่งหลัง เลโน่ โชว์ซูเปอร์เซฟจากจังหวะยิงระยะเผาขนของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ก่อนที่จะทำผลงานเหนียวหนึบอีกครั้งด้วยการป้องกันจังหวะยิงของ โชต้า นอกจากนี้ยังมีจังหวะโชว์นิ่งด้วยการเซฟลูกยิงของ เนโก วิลเลี่ยมส์ ได้อยู่หมัด

ขณะที่ในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน เลโน่ ก็แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมในการอ่านทางบอลของคู่แข่ง และมีส่วนสำคัญในการนำ อาร์เซน่อล ทะลุเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อเซฟจังหวะการยิงของ ดิว็อค โอริกี้ และ แฮร์รี่ วิลสัน ได้เรียบวุธ ฉะนั้นคงไม่แปลกหากจะยกให้เขาเป็นนักเตะที่ฟอร์มเด่นที่สุดของ "ไอ้ปืนใหญ่" ในเกมนี้

3.  โชต้า ฟอร์มสดสมราคา

แม้ว่าเกมนี้ ลิเวอร์พูล จะจอดป้ายแค่รอบ 4 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ คล็อปป์ น่าจะยังยิ้มได้ก็คือฟอร์มการเล่นของ ดีโอโก้ โชต้า เพราะนักเตะเริ่มปรับตัวกับระบบการเล่นของ "หงส์แดง" ได้แล้ว และผลิตผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง

ก่อนหน้านี้ โชต้า เพิ่งจะได้ลงเล่นเปิดตัวในเกมพรีเมียร์ลีกให้กับ ลิเวอร์พูล พร้อมกับโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นแม้จะลงสนามในช่วงท้ายเกมก็ตาม และยังยิงประตูได้ด้วย โดย กุนซือชาวเยอรมัน ตัดสินใจใช้งานเขาอีกครั้งในการเจอกับคู่ต่อกรเดิม และนักเตะก็ไม่ทำให้ผิดหวัง

โชต้า เล่นได้อย่างโดดเด่นพยายามวิ่งหาตำแหน่ง และหาจังหวะยิงประตูได้พอสมควร ขณะเดียวกันก็ยังใช้ความสามารถเฉพาะตัวป่วนเกมรับของทีมเยือน ที่สำคัญเขามีโอกาสโหม่งจะๆ ในระยะ 10 หลา แต่น่าเสียดายที่ เลโน่ ปฏิกิริยาว่องไว ปัดได้ซะก่อน และยังมีโอกาสอีก 1-2 ครั้งแต่ก็ไม่ผ่านมือ โกลเลือดด๊อยท์ช

ผลงานของเขาในเกมนี้น่าจะเป็นการจุดประกายความหวังที่จะได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง แม้ในเวลานี้อาจจะยากที่จะสอดแทรก 3 แนวรุก โม ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ แต่ในอนาคตหากสามคนนี้ทำผลงานไม่คงเส้นคงวา มีสิทธิ์ที่จะโดน โชต้า แย่งตำแหน่งเอาได้ง่ายๆ
   
4. ดับเบิลวิลเลี่ยมส์โชว์ฟอร์มสุดยอด

เนโก วิลเลี่ยมส์ กลับมาตั้งสติและโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในแมตช์นี้ หลังจากที่นักเตะเพิ่งจะโดนแฟนบอล "หงส์แดง" บางรายโจมตีอย่างหนักในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับฟอร์มการเล่นของเขาในช่วงที่ผ่านมา และแมตช์นี้เจ้าตัวพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขามีศักยภาพมากแค่ไหน

วิลเลี่ยมส์ ได้โอกาสลงประจำแบ็กขวาตั้งแต่ต้นเกม และทำผลงานได้โดดเด่นโดยเฉพาะจังหวะการเปิดบอลให้ โชต้า ยิงประตู แต่น่าเสียดายที่ไม่เข้า ในส่วนของเกมรับแมตช์นี้ ดาวเตะเลือดเวลส์ เล่นได้ดีไม่มีที่ติสามารถจัดการกับ บูคาโย่ ซาก้า กับ นิโกล่าส์ เปเป้ ได้อยู่หมัด

โดยจังหวะเกมรับที่โดดเด่นของ วิลเลี่ยมส์ ก็คือการวิ่งเข้ามาสกัดในเขตโทษก่อนที่ ซาก้า จะได้ง้างเท้ายิง ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดและเต็มไปด้วยความมั่นใจของนักเตะ งานนี้ถือว่า วิลเลี่ยมส์ สามารถสอบผ่านเรื่องแรงกดดันได้แล้ว

ขณะที่ รีส วิลเลี่ยมส์ บอกเลยว่าเป็นกำลังเป็นศิษย์รักคนใหม่ของ คล็อปป์ เพราะผลงานของเขาถือว่าแข็งแกร่งอย่างมากในการจับคู่กับ ฟาน ไดค์ ที่สำคัญนักเตะเล่นด้วยความเยือกเย็นทั้งๆ ที่อายุเพียง 19 ปีเท่านั้นแถมจัดการกับลูกโด่งได้ดีเยี่ยม ด้วยสถิติชนะดวลลูกกลางอากาศ 5 หน ซึ่งมากกว่าทุกคนในสนาม    

ฉะนั้น 2 ศรีวิลเลี่ยมส์ ซึ่งไม่ใช่พี่น้องกันแต่นามสกุลเหมือนกัน มีอนาคตสดใสภายใต้การปลุกปั่นของ คล็อปป์ และหากทั้งสองคนยังคงพัฒนาฝีเท้า รวมทั้งสภาพจิตใจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น มีโอกาสที่พวกเขาจะได้ลงเล่นเป็นตัวหลักของทีมในอนาคตแน่นอน
 
5. ขุมกำลังเชิงรุก "หงส์แดง" น่าประทับใจ

หากตัดเรื่องความพ่ายแพ้ออกไป ต้องบอกเลยว่า ลิเวอร์พูล "ทีมสอง" ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมพอสมควร โดยเกมนี้ คล็อปป์ ตั้งใจที่จะใช้ผู้เล่นมากประสบการณ์ผสมผสานกับนักเตะดาวรุ่ง และผู้เล่นสำรอง ซึ่งทีมชุดนี้แสดงให้เห็นศักยภาพที่ใช้ได้เลยทีเดียว

โดยเฉพาะแผงกองกลาง ซึ่ง "เดอะ เร้ดส์" อุดมไปด้วยแข้งประสบการณ์ และมีศักยภาพชั้นยอด แต่งานนี้ คล็อปป์ ตัดสินใจให้โอกาส มาร์โก กรูยิช, แฮร์รี่ วิลสัน และ เคอร์ติส โจนส์ ได้ลงทำหน้าที่ประสานงานร่วมกัน ซึ่งทั้งสามคนก็โชว์ฟอร์มได้ดีไม่ทำให้นายใหญ่แดนไส้กรอกต้องผิดหวัง

ทั้งสามคนสามารถครองบอลได้นิ่ง, คุมพื้นที่ในแดนกลางได้อย่างยอดเยี่ยม และยังสามารถกดดันแผนหลังของอาร์เซน่อลได้ตลอด โดยเฉพาะในรายของ กรูยิช ที่พัฒนาฟอร์มการเล่นอย่างต่อเนื่อง โดยเขามีส่วนสำคัญในการเชื่อมเกม และพยายามผ่านบอลเข้าไปในพื้นที่สุดท้าย นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลต่อเกมสูงทั้งรับและรุก สามารถแท็กเกิ้ลชนะถึง 5 ครั้ง พร้อมทั้งมีโอกาสลุ้นทำประตูด้วย

ฉะนั้นด้วยผลงานแบบนี้คงทำให้ คล็อปป์ พร้อมที่จะให้โอกาส กรูยิช ได้พิสูจน์ศักยภาพของตัวเองอีกแน่นอน แต่จะเป็นเกมไหน พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต้องจับตาดูกันต่อไป

 

 

 

 

 

มาเน่อย่างพลิ้ว,โชต้าโชว์ยิง!ตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลหลังพลิกอัดอาร์เซน่อล

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โกย 9 คะแนนเต็ม จากการลงแข่ง 3 นัดในศึก พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ หลังล่าสุดโชว์ฟอร์มแกร่ง เปิดรัง แอนฟิลด์ พลิกสอย อาร์เซน่อล 3-1 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งต้องบอกเลยว่า เป็นเกมที่ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เล่นได้เหนือกว่าและครองเกมได้แบบเบ็ดเสร็จชัดเจน แถมแข้งใหม่อย่าง ดิโอโก้ โชต้า ลงสำรองมากดประตูปิดท้ายด้วย และนี่คือผลสอบของนักเตะ "หงส์แดง" แต่ละคนในแมตช์นี้
 
11 ผู้เล่นตัวจริง

 – อลีสซง เบ็คเกอร์ : 8
แม้เก็บคลีนชีตไม่ได้ แต่ถือเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมสำหรับนายประตูเลือดแซมบ้า เพราะนอกจากป้องกันลูกยิงที่ ลากาแซ็ตต์ หลุดไปส่องเดี่ยวๆ ถึงสองครั้งแล้ว ยังมีการอ่านเกมที่เฉียบขาด ออกมาตัดบอลสวยๆ ให้เห็น  

 – เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ : 7.5
เป็นวันที่เติมเกมรุกได้ดี เปิดบอลให้ โรเบิร์ตสัน ทำประตูพลิกขึ้นนำ 2-1 แต่เกมรับยังไม่ค่อยโอเค มีเช็คล้ำหน้าพลาด

 – โจ โกเมซ : 7.5
ไม่ได้เจองานหนักมาก แต่เป็นเกมที่เจ้าตัวเล่นได้แข็งแกร่งทีเดียว เก็บได้หมดทั้งลูกภาคพื้นดินและกลางอากาศ โดยเฉพาะจังหวะตามสกัดบอลก่อนไปถึง เอ็นเคเทียห์ ช่วงท้ายเกมถือว่าเข้าตามาก

 – เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (C) : 7.5
อาจจะป้องกันไม่ดีเท่าที่ควรในจังหวะเสียประตูให้ อาร์เซน่อล แต่หลังจากนั้นคุมเกมรับได้ดีตามมาตรฐาน แถมมีวางบอลยาวสวยๆ หลายครั้ง

 – แอนดี้ โรเบิร์ตสัน : 7
พลาดแบบไม่น่าให้อภัยในจังหวะเสียประตูให้ทีมเยือน แต่หลังจากนั้นทำได้เยี่ยมแบบไร้ที่ติทั้งรับและรุก แถมเป็นคนเติมขึ้นไปทำประตูช่วยทีมพลิกนำ 2-1

 – ฟาบินโญ่ : 8
เด่นมากในแดนกลาง ช่วยตัดเกมของ อาร์เซน่อล สวยๆ หลายครั้ง และมีสถิติแท็กเกิ้ลชนะ 100% (3/3)

 – นาบี เกอิต้า : 7
มีส่วนร่วมกับเกมไม่น้อย โดยเฉพาะจังหวะได้ประตูตีเสมอ 1-1 มีความขยันและทุ่มเทดีเยี่ยม แถมมีสถิติผ่านบอลเข้าเป้าถึง 98% ซึ่งมากสุดในสนาม (นับเฉพาะผู้เล่นที่ลงตัวจริงทั้งสองฝั่ง)

 – จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม : 7
ไม่โดดเด่นมาก แต่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี แถมมีการผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายสวยๆ ให้เห็น

 – โมฮาเหม็ด ซาลาห์ : 7
อาจจะเงียบๆ ในช่วงแรก แต่มีส่วนร่วมกับประตูตีเสมอ 1-1 ที่ลุยเข้าไปยิงติดเซฟ ก่อนที่ มาเน่ จะตามซ้ำเข้าไป หลังจากนั้นก็มีจังหวะสร้างโอกาสสวยๆ ให้เพื่อน แม้ช่วงท้ายเกมมีหนึ่งครั้งที่ไปกั๊กจังหวะกับ โชต้า อย่างน่าเสียดายก็ตาม

 – ซาดิโอ มาเน่ : 8
เด่นสุดในแนวรุก ใช้ความเร็วเล่นงานแนวรับ "ไอ้ปืนใหญ่" ได้แทบตลอด และเป็นคนช่วยดึงทีมกลับมาสู่เกมได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการทำประตูตีเสมอ 1-1  
 
 – โรเบร์โต้ ฟีร์มีโน่ : 7
แม้ยังไร้สกอร์ แต่ทำหน้าที่เป็นตัวผ่านบอล เปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้ดีทีเดียว 

 

สำรองที่ได้ลงเล่น
 
 – เจมส์ มิลเนอร์ (แทน เกอิต้า น. 80) : 6
มีส่วนร่วมกับเกมไม่มาก

 – ดิโอโก้ โชต้า (แทน มาเน่ น. 80) : 7
ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามช่วง 10 นาทีสุดท้าย แต่มีส่วนร่วมกับเกมไม่น้อยเลยทีเดียว และใช้เวลาอยู่ในสนามแค่ 8 นาที ก็สามารถทำประตูแรกในสีเสื้อ "หงส์แดง" ได้สำเร็จ
 
 – ทาคุมิ มินามิโนะ (แทน ฟีร์มีโน่ น. 90+1) : –
ไม่สามารถให้คะแนนได้